วันอังคารที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2554

บริหารสมอง สร้างพลังความจำ

‘สมอง' ก็เหมือนส่วนอื่นๆ ของร่างกายที่ต้องออกกำลังบริหารอยู่เสมอเพื่อให้คงอยู่ในสภาพดี นอกจากจะส่งผลให้สมองโลดแล่นแล้ว ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพของการจดจำอีกด้วย สำหรับคนขี้หลงขี้ลืม อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันลดลง และยังอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคสมองเสื่อม และเพราะ ‘ความจำ' เราจึงเรียนรู้ได้โดยเอาสิ่งที่ผ่านมาในชีวิตมาวิเคราะห์และปรับปรุง ความจำทำให้เราสามารถทำงานบางอย่างที่เราได้เรียนมาอย่างช่ำชอง หรือหลีกเลี่ยงการกระทำบางอย่างที่ไม่ดีได้ จิตใต้สำนึกของเราบันทึกเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตตลอดเวลา ความจำเป็นสิ่งไม่ตาย แต่อยู่ถาวรภายใต้จิตสำนึก หากได้รับการฝึกฝนที่ดี ก็จะสามารถเรียกความจำเก่าๆ ในชีวิตกลับมาได้

วิธีเพิ่มความจำให้สมอง ด้วยหลักปฏิบัติง่ายๆ

1. กินอาหารเพิ่มความจำ

- กลุ่มวิตามินบี เช่น นมพร่องมันเนย กล้วย ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่วต่างๆ ผัก ผลไม้ ช่วยป้องกันสมองเสื่อม ความจำเลอะเลือน

- กลุ่มธาตุเหล็ก เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ซึ่งมีผลต่อไอคิว ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองซีกซ้ายที่เกี่ยวกับระบบการคิด

- ไข่แดง ตับ ถั่วลิสง เนยถั่ว บำรุงเซลล์สมอง

- ปลาที่มีโอเมก้า 3 อาทิ ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาแมคเคอเรล ช่วยป้องกันความจำเสื่อม

- ผักผลไม้สด เช่น ผลไม้ที่มีสีแดง ม่วง น้ำเงิน โดยเฉพาะตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ นั้นมีสารต้านอนุมูลอิสระชนิดที่มีความเข้มข้นสูง หรือที่เรียกว่า Anthocyanidin

- ลดปริมาณแอลกอฮอล์

2. ออกกำลังเพิ่มความจำ

การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดนำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการกระตุ้นความจำของสารเคมีในสมองที่เรียกว่า Brain-Derived Neurotrophic Factor ให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย ทั้งนี้ควรออกกำลังกายให้หลากหลายประเภท เพื่อกระตุ้นการเรียนรู้ของสมองจากการฝึกฝนทักษะใหม่ๆ อาทิ

- ออกกำลังแบบแอโรบิก หรือออกกำลังต่อเนื่อง เช่น วิ่งเหยาะ นาน 20-30 นาที อย่างน้อย 2 ครั้งต่อสัปดาห์

- การฝึกโยคะ รำมวยจีน เดินจงกรม สามารถพัฒนาความจำได้

- ออกกำลังกายเบาๆ เช้าหรือเย็น เดินเท้าเปล่าเหยียบพื้นดินบ้าง บนหญ้าบ้าง แกว่งแขนเบาๆ

- ฝึกเดินถอยหลัง หาพื้นที่โล่งกว้าง ยืนให้มั่น ค่อยๆ ก้าวถอยหลังช้าๆ อย่างน้อยวันละ 50 ก้าว

3. ฝึกสมาธิ ควบคุมอารมณ์และจิตใจ

เพิ่มประสิทธิภาพของสมองและระบบประสาทด้วยการ

- นอนหลับให้เพียงพอ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เซลล์ประสาทจะสื่อสารกันได้มากขึ้น ส่งผลต่อการเรียนรู้และความจำ คนส่วนมากต้องการนอนวันละ 7 ชั่วโมง (แต่ละคนไม่เท่ากัน) ลองสังเกตดูว่านอนเท่าไรที่จะทำให้สดชื่น และไม่ง่วงตอนบ่ายๆ แต่แนะนำว่าไม่ควรนอนเกินวันละ 9 ชั่วโมง เพราะการนอนมากเกินไปทำให้เกิดโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นได้

- ฝึกสมาธิ ไทเก๊ก (ชี่กง-ไท จี้) โยคะ ซึ่งช่วยทำให้การหายใจเข้า-ออกช้าลงอย่างน้อยวันละ 10 นาที

- แสดงความชื่นชมคนรอบข้างเสมอ เพื่อฝึกการมองโลกในแง่ดี แต่คนที่ต้องชื่นชมก่อนคนอื่นทั้งหมดคือ ชื่นชมตัวเราเองเวลาเราทำอะไรดีๆ หรือเวลาทำอะไรดีๆ สำเร็จ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ควรฝึกให้รางวัลตัวเองบ้าง

- ขยันดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว เนื่องจากสมองต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยงถึงร้อยละ 5 ของเลือดในร่างกาย เมื่อร่างกายขาดน้ำจะทำให้ความสามารถทางสมองลดลง ความคิดจะไม่ค่อยแล่น ทำให้ซึมเศร้าและอาการเครียดก็จะตามมา

- ฟังเพลง Mozart ก่อนนอนสักหนึ่งรอบ จะช่วยเรื่องความจำได้

4. บริหารสมอง

การเล่นหมากรุก หมากล้อม ครอสเวิร์ด ซึ่งต้องใช้ความคิด เซลล์สมองจะเจริญเติบโตมากขึ้น ความสามารถในการจำก็จะดีขึ้นด้วย

วันจันทร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2554

เตรียมรถก่อนสงกรานต์ อะไรบ้างที่ห้ามลืม!!!

เหลืออีกเพียงไม่กี่วันแล้วเท่านั้นร สำหรับเทศกาลสงกรานต์ วาระดิถีสวัสดีปีใหม่ไทยที่กลับมาให้เราได้ชื่นมื่นกันอีกครั้งทั่วทุกสาระทิศกับการดน้ำขอพร ปีนี้เราเชื่อว่าหลายคนมีโปรแกรมออนทัวร์ไปต่างจังหวัดมากมาย หลายคนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดที่จากมา และวันนี้ถ้าคุณคิดกำลังจะเดินทางจงเตรียมตัวให้พร้อม

"ดูแลรถ แล้วรถจะดูแลเรา" คำนี้เป็นคำที่ผมมักบอกหลายๆคน ที่ใกล้ชิด เพราะเมื่อรถพร้อมคนพร้อม ที่เหลือก็แค่โชคชะตากับเพื่อร่วมทางที่จะเป็นตัวแปรสำคัญต่อๆไป ซึ่งวันนี้หากใครกำลังเตรียมตัวออกต่างจังหวัดหาความสำราญแล้ว ช่วงก่อนเดินทางนี้เรามาเตรียมรถให้พร้อมเพื่อเสริมความมั่นใจในการขับขี่กันดีกว่า



1.เครื่องยนต์ต้องพร้อม..ฟิตๆก่อนออกทริป ถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่ทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้ แน่นอนสิ่งนั้นคงไม่พ้นเรื่องของเครื่องยนต์กำลังหลักในการขับเคลื่อนที่เราอยากให้ใส่ใจสักนิด โดยเฉพาะคุณผู้หญิงจะได้ไม่ลำบากระหว่างทาง

การดูแลเครื่องยนต์นั้น สิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเท่านั้น แต่คุณยังควรต้องมองถึงความผิดปกติอื่นๆ รวมถึงส่วนควบเครื่องยนต์ อย่างระบบเกียร์ และคลัทช์ ว่ายังอยู่สภาพสมบูรณ์หรือไม่ พบรอยน้ำมันที่ผิดปกติในห้องเครื่องหรือไม่ ลองเช็คก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบหล่อเย็นเป้นสิ่งสำคัญที่ต้องตรวจดู และถ้าพบความผิดปกติลองนำไปปรึกษาช่างผู้ชำนาญการ จะได้เป็นการป้องกัน



2.เบรก-ยาง..ชีวิตเราแขวนกับมัน.. เมื่อตรวจสอบเครื่องยนต์แล้ว ก็ได้เวลาสำรวจสิ่งต่อไปนั่นคือ เบรก ยาง รวมถึงระบบช่วงล่าง ที่ควรจะต้องตรวจสอบให้อยู่ในสภาพที่ดี ไม่ควรแค่ใช้งานได้ การตรวจสอบยางนั้น ให้ดูหน้าสัมผัสยางว่าถึงจุดสะพานยางรึยัง ถ้าถึงแล้วควรเปลี่ยนเสีย โดยแนะนำให้เปลี่ยนกยกชุด หรือหากงบน้อย เลือเปลี่ยนเป็นคู่

ส่วนเบรกนั้นง่ายมากคอยฟังเสียง ถ้ามีเสียงเหล็กสีกันเวลาเบรก ควรเปลี่ยนผ้าเบรคใหม่อย่าช้าที อย่างเดียวกับถ้ามีระยะหยุดที่ผิดปกติ ส่วนเรื่องช่วงล่างต้องยกให้ช่างตรวจสอบไปก็หมดเรื่อง



3.ส่วนบังคับเลี้ยวเรื่องนี้ต้องดู หลายคนมักลืมระบบบังคับเลี้ยวไป เนื่องด้วยมันมักไม่ค่อยเสียจากการใช้งานมากนัก โดยเฉพาะรถใหม่นี่แทบจะผ่านข้อนี้ไปได้ เลย แต่ถ้าคุณใช้รถยนต์ที่มีอายุเกิน 10 ปี ขึ้นไป การตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยวก่อนเดินทางถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากน๊อตและโบล์ตต่างๆอาจมีการเสื่อสภาพ ทำให้ทำงานได้ไม่เต้มประสิทธิภาพและท้ายที่สุดอาจบกพร่อง ให้ตรวจดูว่า พวงมาลัยมีการคอนหรือไม่ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์พร่องไปหรือมีน้ำมันหยดใต้รถหรือไม่ ถ้ามีเป็นไปได้รีบซ่อมแซมเสียก่อนเดินทาง เพราะการบังคับเลี้ยวสำคัญมากอย่านิ่งนอนใจ



4. ปรับอากาศ...อันนี้ก็จำเป็น บ่อยครั้งที่เราเดินทางไกล แล้วเกิดพบว่ารถที่เราใช้นั้นเกิดเสียกลางทาง หนึ่งในหลายๆอาการที่เรามักได้ยินบ่อยๆคือแอร์เสีย ที่แย่กว่าระบบอื่นๆเสีย เนื่องจาก มันมักจะทำให้เพื่อนร่วมเดินทางหงุดหงิดเช่นเดียวกับคุณ ที่คงไม่ค่อยจะสุขในมากนักหากเจออากาศของเมษาฯหน้าร้อน

การตรวจสอบระบบแอร์นั้นควรนำไปให้ร้านตรวจสอบ โดยมาก รถทุกคันจำเป็นต้องเติมน้ำยาแอร์ทุก 2-3ปี โดยเฉลี่ย ซึ่งการเติมน้ำยาแอร์ควรเลือกร้านที่วางใจได้ เนื่องจากปัจจุบัน พบว่าน้ำยาแอร์ปลอมที่นอกจากจะไม่เย็น เป็นอันตรายต่อชีวิตแล้ว อาจทำให้ระบบพังได้ด้วย



ทั้ง 4 ข้อนี้คือสิ่งที่ควรตรวจสอบรถก่อนการเดินทางที่ควรจะปฏิบัติ ซึ่งหากคุณเป็นคนที่ยุ่งมากการนำรถไปให้ศูนย์บริการตรวจสอบสัก 1 วันนั้นก็นับว่าเป็นไอเดียที่ดีไม่น้อยเลยทีเดียว..และเราแนะนำให้รีบทำการเทศกาลสงกรานต์นี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554

ทายนิัสัยจากการอ่านหนังสือพิมพ์

ทุกคนต้องเคยอ่านหนังสือพิมพ์กันอย่างแน่นอน แต่ว่าแต่ละคนคงจะเลือกอ่านข่าวที่ต่างกันออกไปดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า อ่านข่าวไหนมีนิสัยอย่างไร...

อ่านข่าวบันเทิงก่อน
เป็นคนที่มีความสนุกสนานรื่นเริง ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับความบันเทิงเริงรมย์ ชอบไปงานเลี้ยงสังสรรค์ ชอบดู ภาพยนตร์ สนใจเรื่องของชาวบ้าน

อ่านหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับ
เป็นคนกระตือรือร้นและอยากได้ข่าวสารใหม่ๆ ตลอดเวลา ไม่ชอบที่จะเป็นคนตกข่าว เป็นคนรอบคอบละเอียดถี่ถ้วน เมื่อทำอะไรแล้วก็จะตั้งใจทำให้ดีที่สุด

อ่านข่าวในประเทศก่อน
เป็นคนที่เคารพกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ของสังคม ไม่ชอบเอาเปรียบผู้อื่นเป็นนักต่อสู้ตัวฉกาจ ปฎิบัติตัวต่อคู่ครองด้วยความรักและซื่อสัตย์ มีความจริงใจต่อเพื่อนฝูง ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจ

อ่านข่าวผ่านๆ และเลือกอ่านข่าวเพียงบางเรื่อง
เป็นคนไม่ค่อยใส่ใจต่อเหตุการณ์ของโลกนัก มักจะใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ค่อยยุ่งกับชาวบ้าน มองโลกในแง่ดี รักเพื่อน และมีน้ำใจ

อ่านข่าวภูมิภาคก่อน
หากเลือกอ่านข่าวที่เกี่ยวกับท้องถิ่นของตนเองก่อน จะเป็นคนที่รักพวกพ้องมากใครจะมาแตะต้องไม่ได้ ต้องลุยให้แหลกกันไปข้างหนึ่ง เป็นคนชอบความสงบ ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนอกจากพวกของตน

อ่านข่าวเกี่ยวกับการบ้านการเรือนก่อน
เป็นคนที่กระตือรือร้นและมีระเบียบ วินัย มีการวางแผนงานเฉพาะหน้าเพื่อตนเองและครอบครัว หากรักปากอะไรกับใครแล้วต้องทำได้

อ่านข่าวท่องเที่ยวก่อน
เป็นคนอยู่ไม่ติดที่ ชอบเดินทางอยู่เสมอ ถ้าหากอยู่ที่ไหนนานเกินไปจะเกิดอาการเบื่อ ต้องรีบหาเรื่องชีพจรลงเท้าทันทีรักความอิสระเสรี เป็นตัวของตัวเองสูง

อ่านข่าวกีฬาก่อน
เป็นคนชอบทำงานเป็นทีม ไม่หวั่นต่อการเสี่ยงและท้าทาย ชอบการทำงานหนักและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคต่างๆ แต่จะคิดว่าเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับตนเอง นอกจากนั้นแล้วยังเป็นคนที่ชอบการต่อสู้แข่งขันมีระเบียบวินัยสูง มักจะประพฤติตัวอยู่ในกรอบและพร้อมจะปรับปรุงตัวเอง

อ่านข่าวเศรษฐกิจก่อน
เป็นคนชอบความท้าทาย ชอบเรื่องลับสมอง และมีความสุขที่ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ออกมา เป็นคนที่มีความที่มีความทะเยอทะยานสูง ค่อนข้างจริงจังกับชีวิต จะทำงานที่เห็นว่าเหมาะสมกับตนเองและทุ่มเทกับการทำงานอย่างเต็มที่

อ่านเรื่องเกี่ยวกับอาหารก่อน
เป็นคนที่มีรสนิยมดี ชอบความสวยงาม ชอบให้ตนเองแวดล้อมไปด้วยสิ่งที่เจริญตา และพยายามทำตนให้เป็นที่สนใจต่อเพื่อนฝูงและคนอื่นๆ ไม่ชอบเป็นคนตกสมัยมักทำตัวเองให้อีพเดทอยู่เสมอทั้งในเรื่องการแต่ตัวแลฃะ รสนิยมในการใช้ชีวิต


ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

ออกกำลังกายตามราศี

วันนี้เชิญ คุณ ๆ มาออกกำลังกาย ตามราศี โดยจะทำนายทายทักนิสัยและสไตล์การออกกำลังกายที่เหมะสมกับทั้ง 12 ราศี

ราศีกรกฏ(เกิด 23 มิ.ย.-23 ก.ค.) - คุณอ่อนไหว ระแวดระวัง และหัวรั้น คุณจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เมื่อได้ฝึกโยคะพิลาทิส หรือออกกำลังกายโดยมีเทรนเนอร์คอยดูแล

ราศีสิงห์ (เกิด 24 ก.ค.-23 ส.ค.) - คุณออกจะเป็นคนบ้าพลังที่ออกกำลังกายได้เป็นชั่วโมง เหมาะกับพาวเวอร์โยคะ เดินป่า ปีนเขา เพื่อให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานอย่างเต็มที่

ราศีกันย์ (เกิด 24ส.ค.-23 ก.ย.) - เพอร์เฟ็คชั่นนิสต์ เช่นคุณ เหมาะกับการออกกำลังกายที่ได้เผาผลาญพลังงานพร้อมกับได้ผ่อนคลาย เช่น วิ่ง หรือว่ายน้ำ

ราศีตุล (เกิด 24 ก.ย.-23 ต.ค.) - คุณมีจินตนาการกว้างไกล คุณต้องการความสมดุลในชีวิต จึงเหมาะกับการฝึกโยคะ พิลาทิส และท่าบริหารที่ฝึกการทรงตัวด้วยฟิตบอล

ราศีพิจิก (เกิด 24 ต.ค.-22 พ.ย.) - คุณเป็นคนคิดมาก และเป็นพวกเก็บความรู้สึกเก่ง การปั่นจักยานโดยปรับแรงต้านหนักสลับเบาจะทำให้คุณลืมเรื่องรกสมองได้

ราศีธนู (เกิด 23 พ.ย.22 ธ.ค.) - คุณเป็นนักผจญภัยที่มีทักษะด้านกีฬา และชอบออกกำลังกายกลางแจ้ง จึงเหมาะกับการปั่นจักรยาน วิ่ง ปีนผา หรือเข้าร่วมค่าย
กีฬากลางแจ้ง

ราศีมังกร (เกิด 23 ธ.ค.-19 ม.ค.) - สัญญลักษณ์ประจำราศี คือแพะ คุณจึงเหมาะกับการออกกำลังกายที่อาศัยความอึด เพื่อไปถึงเป้าหมายอย่าง ปั่นจักรยานทางไกล
หรือปีนเขา

ราศีกุมภ์ (เกิด 20 ม.ค.-19 ก.พ.) - สาวรักอิสระ เป็นตัวของตัวเองเช่นคุณ เหมาะกับกิจกรรมที่ใช้พละกำลัง แต่ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินไปในตัว เช่น พายเรือ

ราศีมีน (เกิด 20 ก.พ.-20 มี.ค.) - สาวอ่อนไหว น้ำใจงามแบบนี้ ควรออกกำลังกายที่ช่วยทำให้ใจสงบ อย่างฝึกโยคะ หรือเข้าคลาสที่ได้ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ

ราศีเมษ (เกิด 21 มี.ค.-20 เม.ย.) - คุณเป็นคนธาตุไฟ จึงมีความแอ๊คทีฟ และชอบการต่อสู้ จึงเหมาะกับการวิ่ง ชกมวย หรือ ปั่นจักรยานเป็นกลุ่ม เพื่อปลดปล่อยพลังงาน

ราศีพฤษภ (เกิด 21 เมย.-21 พ.ค.) - คุณเป็นคนชอบชีวีตสุขสบาย จึงเหมาะกับการออกกำลังกายที่เห็นผลชัดโดยไม่หนักเกินไป อย่างเช่น เดินเร็ว ต่อด้วยบริหารความ
แข็งแรงของกล้ามเนื้อ

ราศีเมถุน (เกิด 22 พ.ค.-22 มิ.ย.) - คุณเป็นคนที่มีนิสัยรักความท้าทาย และชอบทดลองสิ่งแปลกใหม่ เหมาะกับการออกกำลังกายรูปแบบละวันสลับกันไปเรื่อย ๆ

ทักทายนิสัย และแนะนำการออกกำลังกายให้คุณแล้ว ทีนี้ก็รีบแต่งตัว แล้วอย่าลืมมองกระจกแล้วเช็คตัวเอง เพื่อเพิ่มความมั่นใจอีกครั้ง
และเตรียมพร้อมสำหรับการออกกำลังกายอย่างสนุกสนาน...


ขอบคุณข้อมูลจาก modothai
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com