วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฮวงจุ้ยที่ดิืน


ก่อนปลูกบ้านหรือซื้อบ้านยังไงเราต้องดูลักษณะของที่ดินก่อนนะครับ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจหลักสำคัญในการจัดฮวงจุ้ยทั้งหมด การเลือกอย่างถูกต้องในตอนเริ่มต้นดีกว่ามาตามแก้กันในภายหลัง

ลักษณะที่ดี
1. บ้านหรือที่ดินบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะเป็นมงคลที่สุด
2. พื้นที่นอกบ้านควรจะต่ำกว่าพื้นในบ้าน จึงเป็นมงคล

ข้อควรระวัง
1. ที่ดินที่เคยมีต้นไม้ใหญ่อยู่หนาแน่น ควรขุดรากถอนโคนให้หมดเสียก่อนค่อยปลูกบ้าน
2. บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านแคบ หน้าบ้านกว้างไม่เป็นมงคล
3. บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านกว้าง หน้าบ้านแคบไม่เป็นมงคล
4. บ้านหรือที่ดินที่เว้าแหว่ง ไม่เป็นมงคล เช่น ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแหว่งไป มีผลกระทบกับพ่อ หรือชายเจ้าของบ้าน และผู้คนในครอบครัว
5. บ้านสร้างบ้านอยู่บนเนินเขาไม่ดี

มองฮวงจุ้ยด้วยเหตุผล

"ฮวงจุ้ย" เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ของประเทศจีน ซึ่งสั่งสมกันมานับพันๆปี หลักของฮวงจุ้ยนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่นในแบบของความเชื่อ ซึ่งเป็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนมากกว่าการสอนด้วยหลักเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเรานำความเชื่อของฮวงจุ้ยมาวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว จะพบว่าความเชื่อเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับหลักของเหตุและผลอยู่ไม่น้อยทีเดียว

รูปทรงที่ดินแบบต่างๆ

1. "รูปทรงที่ดินปากกว้างก้นแคบ ในตำราฮวงจุ้ยกล่าวเอาไว้ว่าเป็นที่ดินไม่เก็บทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เจ้าของบ้านจะมีหนี้สินมากมาย หาเท่าไหร่เป็นหมด และใครที่ปลูกบ้านบนที่ดินลักษณะนี้ชีวิตสมรสจะล้มเหลว" สมัยก่อนประเทศจีนมีการเก็บภาษีที่ดินจากความยาวของด้านที่อยู่ติดถนน ชาวจีนสมัยนั้นจึงไม่นิยมสร้างบ้านบนที่ดินที่มีหน้ากว้าง อีกทั้งบ้านที่มีด้านยาวติดถนนมากๆ มักจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น ควัน และเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้ง่ายด้วย แต่ถ้าเรามองในแง่ของการค้าแล้ว ที่ดินลักษณะนี้กลับน่าจะเป็นข้อได้เปรียบตรงที่มีพื้นที่ขายหน้าร้านกว้างมากขึ้น

2. "รูปทรงที่ดินสี่เหลี่ยมคางหมูปากแคบ ตำราฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นที่ดิน "ถุงเงิน" เป็นที่ดินที่เก็บทรัพย์ได้ดี แต่อาจต้องดิ้นรนต่อสู้บ้างในช่วงแรกๆ" น่าจะมีเหตุผลมาจากการเก็บภาษีที่ดินของประเทศจีนในสมัยก่อนเช่นเดียวกับข้อแรก ทำให้เจ้าของบ้านบนที่ดินหน้าแคบมีเงินเหลือเก็บมากกว่าบ้านบนที่ดินหน้ากว้าง และหากมองในแง่การออกแบบแล้ว ที่ดินลักษณะนี้มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงรถ และฝุ่นควัน รบกวนน้อยกว่าด้วย

3. "ใครปลูกบ้านบนที่ดินใบมีด จะมีแต่อันตราย" การออกแบบบ้านบนที่ดินแคบยาว และมีขนาดเล็กมากๆ อาจมีปัญหาเรื่องการวางตำแหน่งห้องภายในบ้านซึ่งจะทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะที่ดินที่ด้านแคบหันไปทางทิศเหนือ-ใต้ เพราะจะทำให้ออกแบบตัวบ้านเลี่ยงแสงแดดได้ลำบาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้บ้านร้อน จนเจ้าของบ้านอยู่แล้วรู้สึกไม่สบาย อีกทั้งในการออกแบบบ้าน เรายังต้องคำนึงถึงระยะถอยร่นจากเขตที่ดินอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อสามารถทำหน้าต่างบ้านได้ ทำให้พื้นที่ที่เหลือสำหรับสร้างบ้านจริงๆ เหลือน้อยมาก จนทำให้การออกแบบบ้านให้ดีนั้นทำได้ยากยิ่งขึ้น

4. "ใครปลูกบ้านบนที่ดินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จนเป็นเหตุให้มีเรื่องให้เสียเงินเสียทองเสมอ" ที่ดินลักษณะนี้ไม่ว่าจะวางตำแหน่งบ้านแบบไหนก็จะเหลือเศษสามเหลี่ยมมุมแหลม เป็นซอกรั้วบ้าน 2 ด้านเสมอ ซึ่งเป็นรูปร่างของพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากนัก นอกจากจะจัดเป็นสวนหรือระเบียงนั่งเล่น และในแง่ของจิตวิทยาลักษณะซอกมุมเหล่านี้ ยังเป็นมุมที่ทำให้ผู้มองเกิดความรู้สึกอึดอัดอีกด้วย

5. "ที่ดินรูปค้อน มีแต่เรื่องหนักใจ ครอบครัวแตกร้าว มีทุกข์เหมือนกับโดนค้อนทุบ" ที่ดินลักษณะนี้หากเราวางผังบ้านไม่ดีจะเหลือซอกมุมและจุดอับมาก ซึ่งในการออกแบบบ้านที่ดีนั้น เจ้าของบ้านควรจะสามารถมองเห็นบริเวณภายในบ้านทุกๆ ส่วนได้ชัดเจนด้วย เพราะการมีมุมอับทางสายตาในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย และเป็นกังวลได้ง่าย ดังนั้นการวางตำแหน่งบ้านบนที่ดินรูปค้อน เราจึงไม่ควรวางตัวบ้านเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป

6. "ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่ดี ครอบครัวที่อยู่บนทำเลนี้จะอยู่ดีเป็นสุข ไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนใจ" เป็นลักษณะที่ดินที่ออกแบบและวางผังได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหลือเศษพื้นที่และมุมอับทางสายตาเหมือนที่ดินหักมุม แต่ความยาวที่เท่ากันทุกด้านนั้น ก็ทำให้บ้านดูไม่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

7. "ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามตำราฮวงจุ้ยเป็นที่ดินที่ดีที่สุด ผู้อยู่อาศัยจะดี ครอบครัวมีความสุข" เป็นลักษณะรูปทรงที่ดินที่วางผังบ้านได้ง่ายที่สุด และสามารถออกแบบให้มีพื้นที่เหลือ สำหรับสวนและปลูกต้นไม้ได้มากกว่าที่ดินลักษณะอื่นๆ (ในขนาดพื้นที่เท่ากัน) โดยเฉพาะที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่อยู่ทางทิศขวางตะวันหรือมีด้านแคบหันไปทางทิศตะวันออก และตะวันตก เพราะจะช่วยให้เราสามารถออกแบบบ้านรับลมประจำถิ่น ที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้เต็มที่

8. "ใครปลูกบ้านบนที่ดินรูปทรงสามเหลี่ยมนั้นไม่ดี จะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุและมีปัญหาเรื่องชู้สาว วิธีแก้คือแบ่งส่วนปลายสามเหลี่ยมออกมุมหนึ่ง จึงสามารถปลูกบ้านได้ แต่ที่ดินนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะปลูกบ้านได้ด้วย" ที่ดินรูปสามเหลี่ยมหากมีขนาดเล็กมาก จะทำให้เราออกแบบบ้านได้ค่อนข้างลำบาก เพราะที่ดินลักษณะนี้จะมีมุมของรั้วบ้านซึ่งเป็นซอกไม่น่าดูถึง 2 มุมด้วยกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอึดอัดทางสายตา (ซึ่งเราอาจแก้ปัญหาด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อหลบเหลี่ยมมุมและปิดรั้ว) อีกทั้งพื้นฐานของรูปทรงบ้านและห้องภายในบ้านนั้นเป็นสี่เหลี่ยม เมื่อนำไปวางในพื้นที่สามเหลี่ยมจะทำให้เราเสียพื้นที่สำหรับสร้างบ้านมากกว่าที่ดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม

ห้องต่างๆ ภายในบ้าน ห้องนอน

9. "ห้องนอนกลางบ้านถือเป็นมงคลยิ่ง เพราะตำแหน่งกลางบ้านคือตำแหน่งหัวใจของบ้าน" ห้องนอนเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในบ้าน การวางตำแหน่งห้องนอนไว้กลางบ้าน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้าน แต่ห้องนอนที่อยู่ในตำแหน่งกลางบ้าน อาจจะมีปัญหาเรื่องการรับแสงธรรมชาติและการระบายอากาศ หากไม่มีช่องเปิด ช่องแสงเพียงพอ และไม่มีส่วนเชื่อมต่อกับภายนอก ดังนั้นเพื่อการระบายอากาศที่ดี ควรออกแบบให้ห้องนอนอยู่ที่ตำแหน่งมุมของบ้าน เพื่อให้แสงและลมเข้าสู่ห้องได้ทั้งสองทาง

10. "ห้องนอนของเจ้าของบ้านอยู่หน้าบ้านถือว่าไม่เหมาะ เพราะหน้าบ้านเป็นตำแหน่งบริวาร ควรอยู่หลังบ้านซึ่งเป็นตำแหน่งประธาน" เพราะห้องนอนถือเป็นสถานที่ส่วนตัว และต้องการความสงบเงียบ หากอยู่หน้าบ้านซึ่งมีการเข้าออกอยู่บ่อยๆจะรบกวนการพักผ่อนของเจ้าของบ้าน แต่หากตำแหน่งหลังบ้านมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงไม่ดีก็ไม่เหมาะที่จะทำเป็นห้องนอนอยู่ดี หลักเกณฑ์นี้จึงไม่ใช่กฎตายตัวเสมอไป

11. "ผู้ที่มีห้องนอนอยู่ติดกับห้องครัว จะทำให้เป็นคนหงุดหงิดโมโหง่าย และสุขภาพเสื่อมโทรม ไม่สบายอยู่บ่อยๆ หากเป็นคู่สามีภรรยา จะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นนัก มีเรื่องขัดแย้งกันอยู่เสมอ " เพราะเมื่อมีการประกอบอาหารในห้องครัวจะทำให้เกิดกลิ่น ควัน และความร้อนสะสมอยู่ในห้อง ซึ่งห้องนอนที่อยู่ใกล้ก็จะได้รับผลกระทบเหล่านั้น และส่งผลไปยังผู้ที่อยู่อาศัยในห้องนอนเสียบรรยากาศในการพักผ่อน อันจะมีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตด้วย

12. "การวางตำแหน่งเตียงนอน โดยหันปลายเท้าหรือหัวเตียงไปที่ประตูห้อง ก็ถือว่าไม่ดีเพราะเป็นตำแหน่งชี่พิฆาต ทำให้ผู้นอนได้รับผลร้าย และมักถูกผีอำบ่อยๆ" การวางเตียงนอนตรงกับประตูห้องไม่ว่าจะวางเตียงในลักษณะใด ก็จะทำให้ผู้นอนนอนหลับอย่างไม่เป็นสุข เพราะประตูเป็นจุดที่มีการเข้าออกอยู่บ่อยๆ รวมทั้งช่องใต้ประตูทำให้เห็นการเคลื่อนไหวจากภายนอก และด้วยสัญชาตญาณระวังภัยของมนุษย์ จึงต้องระแวงอยู่เสมอ

TIPS

ห้องนอนที่ดีควรมีความโปร่งโล่ง มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงสว่างจากธรรมชาติส่องถึง และไม่มีภาวะรบกวนจากภายนอก เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัย การเลือกวางตำแหน่งห้องนอน จึงไม่ใช่การพิจารณาเพียงแค่การจัดวางห้องไว้ที่ตำแหน่งใดในบ้าน เช่น หน้าบ้าน หลังบ้าน ด้านซ้าย หรือด้านขวา แต่ควรจะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อห้องนอนโดยตรง เช่น กิจกรรมของอาคารที่อยู่รอบข้าง ภาวะฝุ่น ควัน เสียง และ มุมมองจากภายในและภายนอกบ้าน

นอกจากสภาพแวดล้อมแล้วทิศทางก็มีผลต่อการวางตำแหน่งห้องนอนมาก ตำแหน่งทิศที่ดีที่สุดในการวางห้องนอนคือ ทิศตะวันออกกับทิศใต้ เพราะจะได้รับประโยชน์จากลมที่มาทางทิศใต้ และแสงแดดในตอนเช้าจากทิศตะวันออก ซึ่งเป็นแดดที่ไม่ร้อนจัด ทำให้ช่วงบ่ายถึงค่ำภายในห้องจะไม่ร้อน

ตำแหน่งเตียงนอนที่ดีที่สุดควรอยู่ในตำแหน่งทแยงมุมกับประตูห้อง และอยู่ชิดกับผนังห้องด้านใดด้านหนึ่ง เพราะสามารถมองเห็นคนที่เข้ามาในห้องได้ หรืออยู่ติดผนังที่มีหน้าต่างอยู่ด้านข้างเพราะอากาศถ่ายเทได้ดีและมีแสงธรรมชาติ ห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวไม่ควรวางหัวเตียงติดกับผนังห้องน้ำ เพราะมีความชื้นและสิ่งสกปรกจากห้องน้ำ และหลีกเลี่ยงการหันหัวเตียงติดกับหน้าต่าง เพราะฝุ่นละออง เขม่าควัน และฝน ที่เข้ามาทางหน้าต่าง อาจมีผลต่อสุขภาพของผู้นอนได้

ที่มา : นิตยสารบ้านและสวน (ฉบับที่ 352 ประจำเดือน ธันวาคม 2548)

ถมที่ดิน กับข้อควรระวัง
โดย อ.มาโนช ประภาษานนท์

ช่วงนี้มีการสร้างบ้านใหม่กันค่อนข้างมาก โดยนิยมซื้อที่ดินเปล่าแล้วมาออกแบบบ้านเอง ซึ่งจะได้บ้านที่ถูกใจมากกว่าไปซื้อบ้านจัดสรรทั่วๆ ไป ปัญหาแรกที่ผมมักจะถูกถามก็คือ เรื่องของการถมที่ดินครับ เพราะเป็นเรื่องแรกที่จะต้องทำก่อนการสร้างบ้านนั่นเอง

ความจริงประเด็นนี้ หลายคนอาจนึกในใจว่า ไม่น่าจะเป็นคำถามเลย เพราะยังไงก็ต้องสร้างบ้านให้ที่ดินสูงกว่าถนนอยู่แล้ว ถูกครับ แต่ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด เพราะถ้าถมที่ดินสูงเกินไป อาจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้

หลักฮวงจุ้ยพูดเอาไว้เสมอว่า ทุกอย่างต้องสมดุล ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ต้องพอดีๆ ครับ อะไรที่สูงเกินไป ต่ำเกินไป ย่อมกลายเป็นผลเสียทั้งสิ้น ที่ดินที่ต่ำกว่าถนน เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้วว่า ไม่ดี

แต่เดี๋ยวนี้ คนไม่ได้ดูแค่ถนนกันแล้ว แต่จะเปรียบเทียบจากบ้านข้างๆ ว่าสูงเท่าไร

บ้านที่จะสร้างใหม่จะต้องสูงกว่า ทำให้พื้นที่ดินเกิดความสูงต่ำไม่เท่ากัน บางบ้านถมที่สูงกว่าถนนมาก ทำให้เสียสภาพที่ดีไปในทันที

ตามหลักฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่า บ้านที่ยกพื้นดินสูงกว่าถนนหน้าบ้านมากๆ จะทำให้กระแสชี่ไหลเข้าบ้านลำบาก ไม่ราบรื่น เปรียบเสมือนมีภูเขาหรือเขื่อนกั้นอยู่หน้าบ้าน ซึ่งหมายถึงเป็นบ้านขัดทรัพย์ไปอย่างน่าเสียดาย

วิธีที่ดี จะต้องพิจารณาระดับของพื้นถนนเป็นหลักครับ โดยปกติทั่วไปความสูงในการถมที่ดินจะอยู่ในระดับ 50-80 เซนติเมตร จากระดับของถนนหน้าบ้าน ยกเว้นว่า รู้แน่ๆ ว่าจะมีการทำถนนใหม่ด้านหน้าบ้านให้สูงขึ้น อาจจะถมที่ดินเผื่อไว้ให้สูงกว่าระดับนี้ได้ครับ

กรณีสร้างบ้านบนเนินอาจถมที่ดินให้มีความต่างระดับกันก็ได้ โดยส่วนของตัวบ้านที่อยู่บนเนินอาจมีระดับที่สูงกว่าระดับ 50-80 เซนติเมตรก็ได้ แต่ถ้าถมสูงมากจะต้องปรับพื้นแบบไล่ระดับ โดยพิจารณาจากถนนหน้าบ้านเป็นหลัก

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของการถมที่ดินที่ต่างระดับกัน จะต้องคำนึงถึงเรื่องการไหลของน้ำเวลาฝนตกด้วย หลักฮวงจุ้ยบอกว่า บ้านต้องไม่อยู่ในตำแหน่งรับน้ำ หรือน้ำไหลชนตัวบ้าน ส่วนใหญ่การปรับระดับของที่ดิน มักจะนิยมทำในลักษณะที่เป็นเนินหลังเต่า เวลาฝนตกน้ำจะไหลข้างตัวบ้านทั้งสองทาง เพราะฉะนั้น การถมที่ดินในลักษณะเนินหลังเต่า จึงถือว่าเข้าลักษณะที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย

นอกจากนี้ เรื่องของการถมที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน ยังมีเคล็ดลับเกี่ยวกับการนำดินมาถมอีกด้วย โดยในตำราจะบอกเอาไว้ว่า ดินที่นำมาถมนั้น จะต้องเป็นดินที่มีคุณภาพดี มาจากแหล่งที่ดี ห้ามนำพวกขยะ เศษหิน เศษปูน มาถม ดินส่วนใหญ่ที่ดีจะต้องไม่มีประวัติที่เสีย เช่น เป็นดินที่ขุดมาจากสถานที่ ที่เคยเกิดภัยพิบัติ ไฟไหม้ ตึกถล่ม สุสาน หรือสถานที่ที่มีคนตายหมู่ ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าอัปมงคลอย่างยิ่ง เพราะดินจะมีเชื้อแห่งความสูบเสียและจิตวิญญาณของคนตายติดมาด้วย

ดินที่มีลักษณะดี ส่วนใหญ่จะเป็นดินร่วนผสมดินเหนียว ซึ่งเป็นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก แหล่งดินส่วนใหญ่ที่นำมาถม จึงได้มาจากทุ่งนา ไร่สวน ที่มีสภาพดินที่ดีอยู่แล้ว

กรณีกลับกัน บ้านจำเป็นต้องปลูกสร้างบนที่ดินที่มีประวัติเสีย ก็สามารถแก้ไขได้โดยการขุดหน้าที่ดินเก่าออก แล้วเอาดินใหม่ถมเข้าไปแทน ไม่ใช่เอาดินใหม่ถมทับเข้าไป อย่างนี้เชื้อดินเดิมจะยังคงอยู่ จะส่งผลเสียเช่นกัน

บางตำราระบุเอาไว้ด้วยว่า บริเวณที่จะสร้างบ้าน จะต้องเอาตาข่ายปูรอบที่ดินก่อนที่จะสร้างบ้านลงไป เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ใต้ดินไม่ให้มารบกวนคนในบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนสมัยก่อน ตาข่ายที่นำมาปูจะต้องผ่านการทำพิธีมาก่อนจึงจะนำมาใช้ได้ เพราะเป็นการแก้เรื่องของจิตวิญญาณโดยตรง

เห็นไหมครับ เรื่องของการถมที่ดินก็ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ บางครั้งอาจส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงชนิดคาดไม่ถึงเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าทำได้แต่เริ่มแรกก็ไม่ควรละเลยนะครับ


นายประกาศ attached the following image(s):
land01.jpg

land02.jpg

land03.jpg

สูตรเด็ดรับมือปัญหาสิวและผิวมัน

ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน สาวๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องสิวและผิวมันกันแน่เลย เพราะไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดด ที่ต้องทากันเป็นประจำ ทำให้ผิวอุดตันได้ง่าย และ ยังจะเป็นความร้อน แสงแดด ที่ทำให้เกิดสิ่งสกปรก และไขมันบนใบหน้า สำหรับบางคนผิวบอบบาง แพ้ง่าย อาจจะเกิดเป็นสิวอักเสบ สิวหัวช้าง ทำให้เกิดปัญหารอยแผลเป็น จากสิวตามมาได้

วันนี้มีสูตรดูแลผิว ทั้งรักษาและช่วยป้องกันการเกิดสิว ลดปัญหาผิวหน้ามันได้ดีอีกด้วยคะ

สาวๆ ที่ชื่นชอบทานผลไม้ รู้มั้ยเอ่ยว่า ผลไม้นอกจากอร่อยแล้วยังนำมาใช้เป็นทรีทเม้นต์ รักษาปัญหาสิวและผิวมันได้ด้วย ผลไม้นอกจากทานเพื่อผิวสวยแล้ว ยังสามารถนำมาใช้บำรุงผิวได้โดยตรงอีกต่างหากคะ ครบถ้วนกับประโยชน์นานับประการของผลไม้จริงๆ สูตรกล้วยที่อุดมด้วยสาร mucopolysaccharides ช่วยต้านอนุมูลอิสระและซ่อมแซมผิวที่บอบช้ำจากอาการสิวได้ เพียงบดกล้วยน้ำหว้าขนาดกลาง 1 ผล นำไปผสมให้เข้ากันกับน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ สามารถใช้ทาได้ทั่วใบหน้า หรือจะแต้มเฉพาะส่วนที่เกิดสิวอักเสบก็ได้คะ ถ้ากลัวเรื่องหน้ามัน สูตรนี้เหมาะกับสาวผิวแห้งเป็นที่สุด เพราะจะได้เรื่องความเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น จากน้ำผึ้งด้วยคะ

ส่วนสาวผิวมันไม่ต้องกังวลคะ ให้ใช้น้ำสัปปะรดคั้นสดผสมให้เข้ากันกับข้าวโอ๊ตหรือธัญพืช มาส์กหน้าทิ้งไว้ สัปปะรดมีส่วนช่วยในการกำจัดเซลส์ผิวที่ตายแล้ว ลดการสะสมของแบคทีเรีย ที่ทำให้เกิดสิวอักเสบได้คะ และยังช่วยลดความมันบนใบหน้าได้เป็นอย่างดี

ผักก็รักษาสิวได้ ผักสวนครัวบ้านเรานี้ล่ะคะ ลองหยิบใบสะระแหน่ สมุนไพรไทยที่หาได้แสนจะง่าย เอามาบดให้ละเอียดและพอกไว้บนสิวตัวดีที่มีปัญหา ความเย็นจากน้ำสะระแหน่จะช่วยลดอาการบวมแดงจากสิวได้ และสะระแหน่ยังมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการอักเสบของสิวได้อีก

ก่อนเข้านอนคืนนี้ ลองสูตรน้ำแอพพริคอตคั้นสด นำสำลีชุบและเช็ดเบาๆ บนผิวหน้า ช่วยลดอาการแสบและแดงของสิวอักเสบได้คะ แถมยังช่วยป้องกันปัญหารอยแผลเป็นจากสิวเมื่อสิวหายแล้วได้อีกด้วย ส่วนใครที่ชื่นชอบพวกน้ำมันหอมระเหย หรือ Essential Oil แนะนำ ลาเวนเดอร์ หยดลงในน้ำสะอาดสักสองสามหยด จากนั้นคนให้เข้ากัน และใช้สำลีจุ่ม นำไปแตะบนสิว หรือทารอยดำแดง ไม่ต้องล้างออกก็ได้นะ ทิ้งไว้และนอนหลับได้เลยคะ ลองทำสักอาทิตย์ละสองครั้ง รับรองว่าเห็นผลสิวและรอยแดงดำจะเลือนหายไปแน่นอน

สูตรดูแลผิว รักษาปัญหาสิวและผิวมันที่ทำเองได้ง่ายๆ แบบนี้ ลองเอาไปทำดูนะคะ จะได้ไม่ต้องกังวลกับฤดูร้อนนี้ ไม่ต้องงดออกสื่อกันแล้วล่ะค่า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lauriermybrand.com

โรคเพลียเรื้อรัง..แค่ฟัง ก็เพลีย

สาวๆ เคยรู้สึกเพลียเหลือเกินกับชีวิตไหมคะ?

เพลียในที่นี้หมายถึงเหนื่อยกายนะคะไม่ใช่เหนื่อยใจ แบบว่าเหนื่อยอ่อน เพลีย ไร้เรี่ยวแรง ปวดเมื่อยเนื้อตัว ไปสปาก็แล้ว พักผ่อนก็แล้ว ถึงจะนอนทั้งวัน แต่ร่างกายก็ยังรู้สึกเพลีย ทั้งที่วันๆ ก็ไม่ได้ทำงานหนักหนาสาหัสสักเท่าไหร่ เป็นไปได้ว่าคุณกำลังเสี่ยงที่จะเป็นโรคเพลียเรื้อรังค่ะ!

มารู้จักกับโรค (แสนจะ) เพลีย

เจ้าโรคเพลียเรื้อรังนี่หลายคนอาจจะตกใจว่ามีด้วยเหรอ โรคที่ชื่อฮาขนาดนี้ แต่เจ้าโรคนี้มีจริงๆ ค่ะ ชื่อทางการแพทย์ก็คือ Chronic Fatigue Syndrome หรือ CFS ไม่ใช่อาการเจ็บไข้ได้ป่วยทั่วไปอย่างไข้หวัดหรือกล้ามเนื้ออักเสบ เพราะหากเป็นการเจ็บป่วยตามธรรมดาเหล่านี้ เราจะอธิบายได้และค้นหาสาเหตุได้ แต่อาการป่วยจาก CFS ยังหาสาเหตุไม่พบและอธิบายไม่ได้

อาการของโรคนี้ค่อนข้างวินิจฉัยยากเพราะคล้ายกับหลายโรค โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ และบางทีก็เกิดจากสร่างไข้ใหม่ ๆ เลยทำให้ตัวคุณเองอาจไม่แน่ใจว่าเพราะยังไม่ฟื้นไข้ดีหรือเปล่า โรค CFS ทำให้ภูมิต้านทานโรคตกลง และมีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง บางคนมีความจำเสื่อม สมาธิสั้นลง ปวดตามข้อหรือกล้ามเนื้อ เจ็บต่อมน้ำเหลือง (เช่น ตรงรักแร้ ขาหนีบ ฯลฯ) และเจ็บคอ

ข้อมูลจาก Mayo Clinic เผยว่า พบภาวะเหนื่อยเรื้อรังนี้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย 2-4 เท่า แต่ตัวเลขนี้เอาแน่ยังไม่ได้ อาจเป็นไปได้ว่าเพราะผู้หญิงใส่ใจสุขภาพมากกว่า พอรู้สึกไม่สบายก็มักไปหาหมอมากกว่าผู้ชายเลยมีสถิติมากกว่าก็เป็นได้ อ.จูดี มิโควิทส์ และคณะ แห่งสถาบันวิทท์มอร์ พีเทอร์ซัน สถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ และคลินิกคลีฟแลนด์ สหรัฐฯ พบไวรัสมีชื่อว่า 'XMRV' ในเลือดของคนไข้ CFS 68 ใน 101 คน = 67.3% เทียบกับคนที่มีสุขภาพดีพบไวรัสนี้ 8 ใน 128 = 6.25%

ยังไม่มีใครทราบว่าภาวะเพลียเรื้อรังเกิดจากอะไรกันแน่ ชื่อนี้ได้มาจากอาการที่แสดงให้เห็น เพราะไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกอ่อนเพลียมากๆ แม้จะพักผ่อนมากเท่าไรแล้วก็ตาม ทั้งเหนื่อยล้าเกินกว่าอยากจะหยิบจับทำอะไรๆ ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการทำงานและการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก

ระวัง! คุณอาจจะอยู่ในภาวะเพลียเรื้อรัง

การสังเกตตัวเองอยู่เสมอ จะทำให้คุณรู้ตัวได้เร็วกว่าว่าคุณกำลังเสี่ยงกับโรคนี้อยู่หรือเปล่า บ่อยครั้งที่ภาวะเหนื่อยเรื้อรังเกิดหลังจากป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่นว่าเป็นไข้หวัดหรือท้องเสีย บางครั้งก็เกิดในช่วงที่เครียดจัด แต่ก็มีเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็เป็นขึ้นมาโดยไม่มีอาการเตือนหรือไม่สบายมาก่อน ปกติแล้วอาการจะเกิดแบบต่อเนื่อง หรือเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน

เพราะอาการของโรคนี้จะคลุมเครือชี้ชัดได้ยากกว่าเป็นอะไรกันแน่ และแพทย์น้อยคนนักที่จะนึกถึง ซึ่งถ้าแพทย์ให้การรักษาตามอาการแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือมีหลายอาการประกอบกัน ก็เข้าข่ายว่าน่าจะเป็นภาวะเหนื่อยเรื้อรัง

รักษาได้ แต่ไม่หายขาด

เพราะไม่มียาเฉพาะที่จะรักษาโรคนี้ให้หายขาด การรักษาตามอาการและการดูแลสุขภาพกายและใจจึงเป็นหนทางเดียวในขณะนี้ที่จะช่วยบรรเทาได้ พร้อมๆ ไปกับการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ทานอาหารให้สมดุล พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ เป็นประจำ หลีกเลี่ยงความเครียด

ที่สำคัญพอรู้ตัวว่าเป็นหรือเพียงแค่สงสัยก็ควรรีบกำจัดสิ่งที่จะไปกระตุ้นให้เป็นหนักขึ้นนั้นซะ ที่สำคัญหากคิดว่าตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้แล้ว ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

เข้าใจว่าชื่อโรคอาจจะฟังดูไม่น่าเชื่อว่าจะมีเท่าไหร่ แถมฟังดูไม่น่าอันตรายอะไร แต่หากทิ้งไว้เพราะคิดว่าเป็นโรคเล็กๆ น้อยๆ ไม่น่ากลัวคงไม่ดีแน่ เพราะโรคนี้ก็เหมือนกับโรคอื่นๆ ทั่วไป ที่ยิ่งปล่อยทิ้งไว้ รังแต่จะเป็นอันตรายร้ายแรงในอนาคต

by Daaw Chonlada

ขอขอบคุณข้อมูลจาก chicministry

สุขภาพดี หุ่นสวย กับผักและผลไม้หลากสีสัน

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าประโยชน์ของผักผลไม้นั้นมีมากมายทั้งวิตามิน แร่ธาตุหลากชนิดที่เป็นประโยชน์กับกลไกต่างๆ ในร่างกาย มีคุณสมบัติของการเป็นแหล่งใยอาหาร เป็นสารอาหารที่ช่วยลดการดูดซึมของคอเลสเตอรอลและไขมัน (ศัตรูตัวฉกาจของหุ่นเพรียวสวย และสุขภาพของคุณๆ) ช่วยให้ระบบย่อยอาหารและระบบการขับถ่ายทำงานปกติ นอกจากนี้ สีสันจากผักและผลไม้ยังให้ประโยชน์มากกว่าความสวยงามที่เรามองเห็นอีกนะคะ...

เรามาดูกันว่าผักและผลไม้สีต่างๆ ที่น่ารับประทาน สีไหนให้ประโยชน์อะไรต่อสุขภาพเราบ้าง

เริ่มจาก สีเขียว เป็นสีแรกที่เรานึกถึงเวลาพูดถึงผัก เพราะผักส่วนใหญ่แล้วมีสีเขียว หลายคนที่ทานผักไม่ได้ก็เพราะเหม็นเขียวนี่แหละค่ะ แต่สีเขียวก็ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากนะคะ เพราะผักเขียวๆ มีสารคลอโรฟิลล์ นักวิทยาศาสตร์บอกว่าเมื่อคลอโรฟีลล์ถูกย่อยแล้ว จะมีพลังแรงมากในการป้องกันมะเร็ง ทั้งยังช่วยขจัดกลิ่นเหม็นต่างๆ ในตัวเราด้วย นอกจากคลอโรฟิลล์แล้วยังพบสารอื่นๆ อีก เช่น ลูทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเกิดความเสื่อมของจอประสาทตา ผักสีเขียวที่พบ เช่น ผักบุ้ง ผักโขม ผักปวยเล้ง ผักกาดหอม ผักคะน้า แตงกวา กะหล่ำปลี ใบชะพลู ใบทองหลาง เป็นต้น

สีเหลือง เช่น ข้าวโพด ฟักทอง สับปะรด ขนุน และมะม่วง ในผักและผลไม้กลุ่มนี้มีสารที่สำคัญ ได้แก่ สารลูทีน (Lutein) ช่วยป้องกันกันความเสื่อมของจุดสี หรือแสงสีของเรตินาดวงตา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนแก่มองไม่เห็น

สีส้ม ผักและผลไม้กลุ่มนี้ เช่น ส้มทุกชนิด มะละกอสุก แครอท แคนตาลูป ฯลฯ ผักและผลไม้สีส้มนี้มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัวด้วยกัน ที่สำคัญๆ ได้แก่ เบต้า-แคโรทีน ฟลาโวนอย วิตามินซี ซึ่งช่วยดูแลรักษาสุขภาพหัวใจ หลอดเลือด และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายเรา และลดโอกาสการเกิดมะเร็ง กระตุ้นการกำจัดเซลล์มะเร็งของร่างกาย คนผิวขาวซีดที่กินมะละกอหรือแครอทมาก ผิวจะออกสีเหลืองสวย ทางกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกาประกาศว่า การกินแครอทวันละ 2-3 หัว จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลหรือไขมันในเลือด คนไทยที่ทดลองกินมะละกอห่ามมากๆ นานถึง 2 ปี จะช่วยเปลี่ยนสีผิวหน้าที่เป็นฝ้าให้หายได้โดยไม่ต้องพึ่งครีมแก้ฝ้าเลยค่ะ

สีแดง มีสารไซโคปิน (Cycopene) เป็นตัวให้สีแดงในแตงโม มะเขือเทศ สารเบต้าไซซิน (Betacycin) ให้สีแดงในลูกทับทิม บีทรูท และแคนเบอร์รี่ สารทั้งสองนี้เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งต่อมลูกหมาก ชะลอการเลื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ลดไขมันในเลือดและเพิ่มการเผาผลาญไขมัน

สีม่วง พืชสีม่วงมีสารแอนโทไซยานิน ( Anthocyanin ) ที่ให้สีม่วงซึ่งเห็นในดอกอัญชัน กะหล่ำม่วง ชมพู่มะเหมี่ยว มะเขือม่วง แบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าสารตัวนี้ช่วยลบล้างสารที่ก่อมะเร็งและขยายเส้นเลือด ช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและอัมพาตด้วย

สีขาว-น้ำตาล ได้แก่ กระเทียม หัวไชเท้า ถั่วเหลืองทุกชนิด ลูกเดือย ขิง ข่า งาขาว ฯลฯ ผักผลไม้กลุ่มนี้ให้สารแอนริซิน ซึ่งช่วยสร้างเซลล์ให้แข็งแรง ยับยั้งการเกิดเนื้องอก ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก ต้านการอักเสบ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ลดปริมาณไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและรักษาระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

เป็นอย่างไรบ้างคะกับคุณประโยชน์ของผักและผลไม้หลากสี ไม่เพียงแต่ให้ความสวยงามน่าทานเท่านั้น แต่มีคุณสมบัติน่ามหัศจรรย์มากมายต่อร่างกาย รู้อย่างนี้แล้วหวังว่าคุณผู้อ่านทุกๆ ท่าน คงทานผักผลไม้ให้ครบทุกสีและทุกๆ วันนะคะ จะได้มีสุขภาพที่ดีแข็งแรงโดยไม่ต้องทานวิตามินเสริมเลยค่ะ...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก lauriermybrand.com

8 วิธีเสกบ้านให้น่าอยู่

ไม่มีที่ไหนน่าอยู่เท่าบ้านเราแน่เชียว ยิ่งถ้าเอาเวลาว่างๆ มาเสกบ้านให้เป็นส่วนหนึ่งของการรักษาสิ่งแวดล้อมด้วยแล้ว เชื่อได้เลยว่าบ้านเราจะยิ่งอบอวลไปด้วยความอบอุ่น น่าอยู่ และยังน่าภูมิใจที่เราได้เสกบ้านให้่เก๋ไก๋ยิ่งขึ้น เรามาดูกันหน่อยสิว่า มีไอเดียเสกบ้านให้กรีนกันแบบไหนได้บ้าง รู้แล้วลองเอาไปปรับกันคนละไม้คนละมือนะ โลกเราจะได้น่าอยู่ไปนานๆ...


สีดีก็ช่วยได้
หลายคนชอบเปลี่ยนสีกำแพงให้ดูเก๋ไก๋ แต่งานนี้มีทางเลือกตั้งมากมาย ไม่ว่า สีสวยๆ แต่สารตะกั๋วยุบยับ ทางที่ดีลองเลือกกระป๋องที่มีสารระเหยที่น้อยที่สุด (เรียกกันว่า Low VOCs) มีไม่น้อยเลยที่ยุคนี้เน้นความเป็นธรรมชติ โดยผสมสารชีวะเข้าไปด้วย เลือกไว้ก็ไม่เสียหายนี่นะ

เปิดเผยกันหน่อย
รู้อยู่ว่าคุณชอบความเป็นสันโดษ แต่บางทีการเปิดหน้าต่างให้โปร่งโล่ง ให้ลมพัดเข้าเย็นๆ ยังเป็นการช่วยประหยัดไฟฟ้าได้มาก หรือจะดีไซน์ห้องน้ำให้อาบลมห่มฟ้าก็ดูดีไม่หยอก (ลดค่าใช้จ่ายในการดูแลได้ด้วย และรับแดดเพื่อฆ่าเชื้อได้ดีขึ้นด้วย) แต่ถ้ากลัวบ้านไม่สวย ก้เพียงเลือกตกแต่งหน้าต่างและห้องน้ำได้ด้วยวัสดูธรรมชาติ อย่างไม้ไผ่ ผ้าลินิน เป็นต้น

ปฏิเสธ PVC
แทนที่จะซื้อผ้าม่านกั้นห้องน้ำแบบวัสดุไวนิล ลองใช้ผ้าหรือกระจกแทนดูสิ เพราะถึงจะกันน้ำไม่ดีเท่า แต่ยังเลือกสีสันให้บ้านดูสวยสดใสได้ ในขณะที่พีวีซีนั้นหากถูกทำลายจะผล่อยสารพิษออกมา และยังเป็นขยะที่ย่อยสลายยากด้วย

คิดอีกนิดก่อนทิ้งขยะ
ขยะหลายอย่างใช้เวลาหลายชั่วอายุคนเลยทีเดียวกว่าจะสลายไปจากโลก ทุกครั้งที่เราจะทิ้งขยะจากบ้าน ลองคิดสักนิดว่าสามารถนำไปดัดแปลงใช้แทนอะไรได้บ้าง ที่สำคัญ การแยกขยะมีส่วนอย่างมากในการดูแลสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นก็ช่วยพี่ๆ ชาวเก็บขยะด้วยนะ

ปลูกต้นไม้ก็ไม่เลว
หากมีพื้นที่ ลองปลูกต้นไม้ให้บ้านสวยงาม และจะดียิ่งกว่าถ้าเป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงากับบ้าน และช่วยเพิ่มออกซิเจนได้มากๆ หรือหากมีพื่นที่จำกัด อาจปลูกในกระถางนอกตัวบ้านหรือคอนโดฯ ที่ทำให้บ้านน้อยของเราน่าดูขึ้นตั้งเยอะ

นอนกับธรรมชาติ
ทุกครั้งที่เปลี่ยนเตียงนอน ลองมองหาเตียงที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติอย่างลาเท็กซ์ หรือใยมะพร้าว พร้อมกันนั้นก็ใช้ผ้าปูเตียงที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติไปพร้อมกันๆ เพราคอตต้อนและลินินนั้นช่างนอนแสนสบาย น่าสัมผัสกว่าผ้าใยสังเคราะห์กว่าเป็นไหนๆ

เฟอร์นิเจอร์มีคุณภาพ
เลือกของแต่งบ้านทั้งทีควรเลือกของดีของสวยที่อยู่กับเราไปนานๆ ที่สำคัญควรเป็นของที่มาจากธรรมชาติที่สามารถเพาะปลูกทดแทนได้ (หรือของรีไซเคิลที่เลียนแบบธรรมชาติ) นี่ล่ะจึงจะเรียกว่าฉลาดซื้อ และให้ความรู้สึกดีๆ อย่างแท้จริง

เหยียบสบายทุกย่างก้าว
ใครๆ ก้ชอบสัมผัสเท้าที่นุ่มสบาย แต่ถ้าพรมผืนสวยผืนนั้นต้องทำให้คุณเสียเวลาดูแล เสียค่าไฟในการดูดฝุ่น จะดีกว่าไหมถ้าเปลี่ยนมาเป็นวัสดุที่ทำความสะอาดง่าย ดูแลง่าย อาทิ ไม้ไผ่ แผ่นไม้ หรือการนำเศษผ้ามาประดิษฐ์พรมง่ายๆ ที่สวยในสไตล์ของเรา

...ถึงจะเรียกได้ว่าเป้นบ้านที่มีสไตล์ส่วนตัว และยังช่วยสิ่งแวดล้อมแบบเต็มขั้นได้อีกด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก sabai-arom.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

นิสัย (เสีย) ที่ทำร้ายสุขภาพ

หากขี้เกียจคุยกับเพื่อน ไม่อยากอ่านหนังสือกอสซิป เซ็งเมื่อต้องไปดูหนัง ก็ไม่มีอะไรเสียหาย เพราะทุกอย่าง ที่กล่าวมานี้ไม่ได้ทำร้ายสุขภาพร่างกายแต่อย่างใด แต่หากคุณเป็นคนแบบที่เราจะกล่าวถึงต่อไปนี้แล้วละก็ แนะนำให้ปรับปรุงพฤติกรรมด่วน


นอนทั้งเครื่องสำอาง
หากปล่อยให้เครื่องสำอางอยู่บนหน้านานเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เกิดการระคายเคืองมากเท่านั้น สารเคมีจากเครื่องสำอางจะซึมลึกเข้าสู่ผิวหนังทำให้ผิวแพ้เป็นผดผื่น ยิ่งถ้าผิวหน้าบอบบางและมักเป็นสิวเพราะเครื่อง-สำอางอยู่ก่อนแล้ว การปล่อยให้ใบหน้าฉาบไปด้วยเครื่องสำอางตลอดทั้งคืน สิวอักเสบก็เกิดขึ้นได้ไม่ยากเลย

ไม่เคยใช้ไหมขัดฟัน
การใช้ไหมขัดฟัน เป็นวิธีกำจัดเศษอาหารและคราบหินปูนระหว่างซอกฟันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด หากไม่ใช้ไหมขัดฟัน คุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหงือกอักเสบ ซึ่งในท้ายที่สุดอาจร้ายแรงจนถึงขั้นต้องถอนฟันเลยทีเดียว งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า แบคทีเรียที่เกิดจากโรคเหงือกอักเสบสามารถซึมผ่านเข้าสู่กระแสเลือดและทำให้เป็นโรคหัวใจได้ แม้เวลาที่ดีที่สุดของการใช้ไหมขัดฟันคือตอนก่อนนอน แต่ทราบไหมว่าการใช้ไหมขัดฟันตอนเช้าก็ยังดีกว่าไม่ใช้เลย

นอนโดยไม่ถอดคอนแทคเลนส์
การนอนหลับทั้งๆ ที่ยังใส่คอนแทคเลนส์ ทำให้ดวงตาเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างรุนแรงมากขึ้น 10 เท่า ดีไม่ดีอาจทำให้กระจกตาเปื่อยและเป็นแผล หรืออาจจะสูญเสียการมองไปเลยก็ได้ของส่วนตัวก็เหมือนของส่วนรวม

Note This : รีบสั่ง รีบกิน รีบจ่าย
การกินอาหารแบบเร่งรีบทำให้อาหารย่อยยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เป็นโรคอ้วน หากต้องการควบคุมน้ำหนัก ไม่ควรกินอาหารแบบรีบๆ เพราะร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อสั่งการไปยังสมองว่าเรารู้สึกอิ่มแล้ว ดังนั้นการรีบกินอาจทำให้คุณกินอาหารมากกว่าปกติ 3-4 เท่าโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ อุปกรณ์ที่ใช้ก็มีผลต่อความเร็วในการกินด้วย การกินไปเดินไปจะทำให้กินอาหารได้เร็วกว่าปกติ ต่างจากการนั่งกินอาหารด้วยมีดและส้อมที่สามารถทำให้เรากินช้าลง


สวยด้วยปลายนิ้ว

เรื่องของความสวย เดี๋ยวนี้มีเทคโนโลยีมากมายมาช่วยให้สาวๆ สวยได้เสมอ บางคนก็สนุกสนานกับการเปลี่ยนแปลงเพื่อความงามกันมากไปหน่อย พอเจอกันอีกที หน้าตายังกับคนละคนเลยก็มี!

และหนึ่งในเทรนด์ปรับปรุงหน้าตา หนึ่งในนั้นต้องมีเทรนด์หน้าเรียวสวยอยู่แน่ๆ หลายคนพึ่งสารโน่นนี่ ฉีดเข้าไปละลายกระดูกบ้าง ทำให้กล้ามเนื้อตายบ้างล่ะ เป็นอัมพาตเฉพาะที่บ้างล่ะ ฟังแล้วน่ากลัวไม่ใช่เล่น แต่ก็เพื่อให้หน้าออกมาเรียวสวยสมใจ ยังไงก็ยอม ไม่ก็พึ่งมีดหมอกันเลยทีเดียว

เรียกว่าพอสวยแล้วเอียงมุมไหนก็ไม่ต้องกลัว เรียกว่าถ่ายรูปได้ไม่ต้องมีมุมกล้องกันเลยทีเดียว ก็แหม...ใครจะอยากหน้าบานออกสื่อล่ะคะ จริงไหม

แน่นอนว่าเทคโนโลยีทำให้คุณสวยง่าย สวยได้ไวก็จริง แต่เรื่องข้อเสีย ข้อเสี่ยงนั้นก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้นแล้วหากมีวิธีธรรมชาติอะไรที่ช่วยให้เราสวยได้ด้วยวิธีที่ทำได้ เอง และอันตรายด้วย มันก็น่าลองจริงไหมคะ?

Beauty Feature คราวนี้เลยเสนอวิธีง่ายๆ ที่จะทำให้หน้าคุณเรียวสวยได้ด้วยปลายนิ้ว จากการ "นวดกดจุด" นั่นเองค่ะ การนวดกดจุดนั้นเป็นการแพทย์ทางเลือกที่มีมานมนาน แต่นอกจากจะรักษาโรค คลายปวดเมื่อยแล้ว ยังช่วยกระชับรูปหน้าได้อีกด้วย ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ใย สาวๆ ทั้งหลายมาเรียนรู้การกดจุดหยุดหน้าบานกันดีกว่า!



กดจุด ...หยุดหน้าบาน!

ก่อนจะเริ่มนวดหน้าทุกครั้ง ต้องการเตรียมผิวหน้าก่อนด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าและทาโลชั่นให้ทั่วใบ หน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้กับผิวหน้า โลชั่นที่ทาก็เป็นโลชั่นที่สาวๆ ใช้อยู่เป็นประจำนี่ล่ะค่ะ โดยเริ่มทาจากกึ่งกลางหน้า หยดโลชั่น 5 จุดที่บริเวณหน้าผาก แก้มสองข้าง จมูก และคาง โดยทางไล่ไปด้านนอก เป็นเทคนิคที่ทำให้ความชุ่มชื้นกระจายทั่วใบหน้า

จากนั้นให้ใช้ปลายนิ้วชี้กลางและนาง นวดแก้มวนไปมาเป็นวงกลมทั้งสองข้าง เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม โดยถูวนจากข้างในไปข้างนอก เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อใบหน้า ทำแบบเดียวกันทั้งซ้าย-ขวาข้างละ 3 ครั้ง

เอาล่ะค่ะเตรียมหน้าและวอร์มอัพกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ บนใบหน้ากันแล้ว ต่อไปก็เริ่มขั้นตอนการนวดกดจุดเพื่อหน้าเรียวสวยได้เลยค่ะ โดยการนวดนี้จะเป็นการกระชับส่วนต่างๆ ของใบหน้า และใช้ปลายนิ้วทั้ง 3 นั่นคือนิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วนาง วางเรียงกันในแต่ละจุด ซึ่งมีทั้งหมด 5 จุด ดังนี้ค่ะ

1. กดจุดปีกจมูก
จุดนี้ให้ทำพร้อมกันทั้งซ้ายขวานะคะ โดยนิ้วกลางจะเป็นจุดหลัก จุดนี้ให้ลองกดดูบริเวณระหว่างแก้มและปีกจมูก ถ้ารู้สึกว่ากดแล้วโล่ง เบา สบาย นี่คือจุดหลักเลยค่ะ เมื่อหาจุดหลักนี้ได้แล้วให้วางนิ้วกลาง แล้ววางเรียงนิ้วชี้กับนิ้วนาง ห่างกันประมาณ 1 ซม. ค่ะ

วิธีการกด (ซึ่งจะใช้ในทุกๆ จุดด้วย) คือ ใช้จมูกเล็บกดเฉียงๆ ใช้บริเวณเนื้อนุ่ม ๆ กดเท่านั้น ห้ามเอาเล็บกดตรงๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นหน้ามีรอยเล็บไม่รู้ด้วย (สาวๆ ที่ไว้เล็บยาว คงจะกดจุดนี้ได้ลำบากหน่อย) ให้กดจุดค้างไว้ แล้วนับในใจ 8 วินาทีแล้วปล่อย ทำ 3 รอบค่ะ การกดในจุดนี้จะช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม และช่วยเรื่องการหายใจให้สะดวกขึ้นอีกด้วย


2. กดจุดไรผม
ที่จุด นี้ให้วางนิ้วเรียงกันบริเวณไรผม เหนือคิ้วขึ้นไป ทำพร้อมกันทั้งสองข้างนะคะ การกดในจุดนี้จะไม่ใช้การกดอย่างเดียว แต่จะกดเบาๆ พร้อมดึงขึ้นนิด ๆ ด้วย โดยมีวีธีการกดเหมือนกับจุดแรกค่ะ คือกดค้างไว้ 8 วินาที 3 ครั้ง การกดตำแหน่งนี้นอกจากจะช่วยกระชับบริเวณหน้าผากแล้ว ยังช่วยคลายเครียดได้อีกด้วย


3. กดจุดขมับ
จุดนี้อยู่ บริเวณขมับ ใช้ปลายนิ้วทั้ง 3 เรียงห่างกัน 1 ซม. แล้วกด-ปล่อย 8 วินาที 3 ครั้ง เช่นเดิม จุดนี้ช่วยกระชับกล้ามเนื้อบริเวณโหนกแก้มและช่วยลดการเหี่ยวย่นตรงบริเวณ หางตาหรือที่เราเรียกกันว่าตีนกานั่นล่ะค่ะ


4. กดจุดหลังใบหู
ตำแหน่ง นี้จะอยู่ตรงต่อมน้ำเหลือง ข้างใบหน้าบริเวณล่างติ่งหู ให้เรียงนิ้ว เป็น 3 เหลี่ยม โดยให้นิ้วกลาง อยู่ใต้ติ่งหู นิ้วกลางเยื้องไปด้านหลังและนิ้วชี้ในตำแหน่งเดียวกันกับนิ้วนาง โดยการกดใช้วิธีแบบเดิม (กด-ปล่อย 8 วินาที 3 ครั้ง) จุดนี้กระชับหน้าด้านล่างและช่วยในเรื่องการหมุนเวียนของเลือดและน้ำเหลือง


5. กดจุดต่อมน้ำเหลือง
จุดสุดท้ายนี้เป็นการไล่น้ำเหลืองจากการกดจุด หลังจากกดทั้งหมด 4 ตำแหน่งแล้ว โดยใช้มือขวาและนิ้วทั้ง 4 นิ้ว (ชี้ กลาง นาง ก้อย) ไล้จากต่อมน้ำเหลืองใต้ใบหู ไล่เป็นแนวแผ่ 3 เหลี่ยมต่อจากจุดที่ 4 ไล่ลงมาโดยให้ได้ระยะเวลาประมาณ 8 วินาที ไล่จากต่อมน้ำเหลืองใต้ใบหูในจุดที่ 4 ลงมาถึงยังบริเวณไหปลาร้า โดยใช้มือขวา ไล่ตรงฝั่งซ้าย และมือซ้าย ไล่ตรงฝังขวา (สลับข้างกันนะคะ) ใช้กดแบบเดิม 8 วินาที 3 ครั้ง การกดจุดขั้นตอนนี้เป็นการช่วยให้น้ำเหลืองไหลเวียนสะดวก ป้องกันอาการหน้าบวมได้อีกด้วย


การกดจุดกระชับหน้าเรียวนี้ควรทำ สัปดาห์ละสองครั้ง ช่วงที่ควรทำก็คือ เช้า - เย็น ที่สำคัญก่อนนวดอย่าลืมล้างทำความสะอาดทั้งใบหน้าและนิ้วของคุณด้วยนะคะ ไม่อย่างนั้น หน้าเรียวสวยแต่สิวตรึมก็ไม่ไหวเหมือนกัน


ส่วนระยะ เวลาการได้ผลหรือไม่ก็ต้องบอกว่าหมั่นทำไว้เป็นเห็นผลค่ะ เพราะการนวดกดจุดนี้ก็ไม่ต่างจากการบริการกล้ามเนื้อใบหน้า ที่ต้องหมั่นทำอย่างสม่ำเสมอ จึงจะเห็นผล ที่สำคัญทำเองได้ไม่ต้องเสียเงิน สวยประหยัดแบบนี้ ไม่ลองไม่ได้แล้วล่ะค่ะ

ริ้วรอยแห่งวัย "เกิดขึ้นตอนไหน...?

ริ้วรอยแห่งวัยยากนักที่คิดจะหลีกเลี่ยงแต่เราสามารถที่จะ ชะลอ ริ้วรอยแห่งวัย นี้ได้ถ้าเรารู้ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่เพื่อที่เราจะได้ปกป้องผิวหน้า หรือผิวกายของเราตอนไหนหรือว่าช่วงเวลาใด และถ้าเราได้รู้ว่าช่วงเวลาใดเหมาะสมก็จะได้ทำการป้องกัน ริ้วรอยแห่งวัย ให้เกิดช้าลงได้ รวมถึงการบำรุงผิวหน้าที่จะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะสามารถเป็นตัวช่วยนัมเบอร์ วันเลยทีเดียวค่ะที่จะช่วยแก้ปัหหา ริ้วรอยแห่งวัย ของคุณได้อย่างชะงัก คุณพร้อมที่จะรู้คำตอบของริ้วรอยแห่งวัยว่าเกิดขึ้นกันตอนไหนบ้างนะ....???


น่ารู้! ริ้วรอยแห่งวัย "เกิดขึ้นตอนไหน...?"

- ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย

- ผิวหนังบริเวณฝ่ามือและฝ่าเท้าเป็นสิวส่วนที่หนาที่สุดของร่างกาย

- ผิวที่ริมฝีปากและรอบดวงตาคือ ส่วนที่บางที่สุด

- ผิวหน้ามีความหนาประมาณ 0.12 มม.

- ผิวหนังทั้งหมดมีน้ำหนักเท่ากับ 16% ของน้ำหนักตัว

- ผิวหนังมีเลือดหล่อเลี้ยงอยู่ 1/4 ของร่างกาย

- 1/3 ของน้ำในร่างกายอยู่ที่ผิวหนัง

ช่วงอายุที่จะเกิดริ้วรอย

อายุ 18-24 ปี

- สาววัยนี้จะเริ่มปรากฏริ้วรอยบาง

อายุ 25-35 ปี

- เริ่มปรากฏริ้วรอยแห่งวัย

- มีร่องรอยความหย่อนยานบริเวณรอบดวงตา

- เริ่มสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวทีละน้อย

อายุ 35-44 ปี

- ปรากฏริ้วรอยต่าง ๆ มากขึ้น

- ผิวบริเวณรอบดวงตาเริ่มหย่อนยาน

อายุ 45-55 ปี

- รอยย่นต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น

- ผิวบริเวณรอบดวงตาและแก้มเริ่มหย่อนยาน

- ผิวหยาบกร้าน รูขุมขนขยายใหญ่ขึ้น


วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

อารมณ์รักเร่าร้อนทั้ง 12 ราศี

เรื่องเซ็กส์ หรือความเร่าร้อนทางอาราณ์นั้นเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวตนของทุกคนแตกต่างกันออกไปทั้ง 12 ราศี แต่ว่าแต่ละราศีจะมีอารมณ์รักร้อนแรงขนาดไหนตามมาดูพร้อมๆกันเลยค่ะ


ราศีเมษ (21มี.ค. - 19 เม.ย.)

อารมณ์รัก
- ชอบเป็นฝ่ายรุก
- ชอบความตื่นเต้นเร้าใจ
- คาดหวังให้คู่รักเป็นฝ่ายรุกบ้าง
- มีทั้งเร้าร้อน รุนแรง และโรแมนติก
- คิดว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเกมอย่างหนึ่ง

ราศีพฤษก (20 เม.ย. - 20 พ.ค.)

อารมณ์รัก
- ค่อยเป็นค่อยไป ไม่โลดโผน
- เขินอาย ไม่ค่อยกล้ารุก
- แต่ปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่
- คิดว่าเซ็กส์คือการแสดงความรักต่อกัน
- คิดว่าเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ

ราศีเมถุน (21 พ.ค. - 20 มิ.ย.)

อารมณ์รัก
- ปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่
- ชอบความแปลกใหม่
- ชอบความหวือหวา
- บางครั้งเร่าร้อน
- บางครั้งอ่อนหวาน
- คิดว่ามีรักก็ต้องมีเซ็กส์เป็นของคู่กัน

ราศีกรกฎ (21 มิ.ย. - 22 ก.ค.)

อารมณ์รัก
- ชอบโรแมนติก
- ชอบแบบเรียบง่ายไม่โลดโผน
- ไม่ชอบเป็นฝ่ายรุก
- ไม่ชอบทำอะไรที่แปลกใหม่
- คิดว่าการมีเซ็กส์นั้นสวยงามเหมือนความรัก

ราศีสิงห์ (23 ก.ค. - 22 ส.ค.)

อารมณ์รัก
- หมกมุ่นในเรื่องนี้มาก ไฟแรงสูง
- มีอารมณ์รักได้แม้กับคนที่ตัวเองไม่รักจริงจัง
- กล้าแสดงออกตามใจปรารถนา
- ทำให้คู่รักมีความสุขได้อย่างดีเยี่ยม
- คิดว่าเซ็เป็นเรื่องธรรมชาติ

ราศีกันย์ (23 ส.ค. - 22 ก.ย.)

อารมณ์รัก
- ไม่ฝักใฝ่ แต่สนใจ ชอบเรียนรู้ทฤษฎี
- มีอารมณ์รักกับคู่รักเท่านั้น
- เซ็กซี่ ลีลาเป็นเลิศ
- ชอบสร้างความประทับใจให้คู่รัก
- คิดว่าเซ็กส์เป็นเรื่องธรรมชาติ

ราศีตุล (23 ก.ย. - 22 ต.ค.)

อารมณ์รัก
- ไม่ค่อยเรียกร้องต้องการนัก
- ภายนอกเซ็กซี่ แต่ที่จริงแล้วไม่เน้นเรื่องนี้นัก
- ไม่ค่อยกล้าเป็นฝ่ายรุก
- ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ร้อนแรง
- คิดว่าเซ็กส์ไม่ใช่ของคู่กันกับความรัก

ราศีพิจิก (23 ต.ค. - 21 พ.ย.)

อารมณ์รัก
- เซ็กซี่เร้าร้อน
- ไฟแรงสูง
- กล้าเปิดเผยอารมณ์รัก
- เต็มไปด้วยความรู้สึก
- คิดว่าการมีเซ้กส์คือการแสดงความรัก

ราศีธนู (22 พ.ย. - 21 ธ.ค.)

อารมณ์รัก
- สนใจ ฝักใฝ่ แต่ไม่เน้นเรื่องนี้นัก
- ชอบคลอเคล้าเล้าโลม
- อบอุ่นโรแมนติก
- เก่งทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ
- คิดว่าเซ็กส์เป็นเรื่องท้าทาย

ราศีมังกร (22 ธ.ค. - 19 ม.ค.)

อารมณ์รัก
- ไฟแรงสูง
- โรแมนติกเหมือนฝัน
- บางครั้งเร้าร้อน
- ต้องเลิศ
- คิดว่าเซ็กส์คือการแสดงความรู้สึก

ราศีกุมภ์ (20 ม.ค. - 18 ก.พ. )

อารมณ์รัก
- เก่งทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ
- ใช้สมองมากกว่าใช้อารมณ์
- เขินอาย ไม่กล้า
- ไม่ค่อยฝักใฝ่เรื่องนี้นัก
- คิดว่าเซ็กส์กับความรักเป็นคนละเรื่องกัน

ราศีมีน (19 ก.พ. - 20 มี.ค.)

อารมณ์รัก
- โรแมนติกเสมอ
- ไม่ชอบเร่าร้อนโลดโผน
- ชอบคลอเคล้ามากกว่า
- ไม่ค่อยหมกมุ่นเรื่องเซ็กส์
- คิดว่าเซ็กส์คือการแสดงความรัก


ขอบคุณข้อมูลจาก Baanpayakorn.com
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

แบบทดสอบค้นหาตัวตนและนิสัยที่แท้จริง

มีสัตว์ 12 ชนิดให้คุณเลือก คุณลองเลือกตัวที่คุณชอบให้มากที่สุด แล้วมาอ่านเฉลยกันเลยค่ะ

1. ลิง
2. สุนัข
3. หมี
4. ช้าง
5. ไดโนเสาร์
6. ม้าลาย
7. งู
8. ยีราฟ
9. เสือ/สิงโต
10. ฮิปโป
11. แมว
12. ปลา


เลือกแล้วมาอ่านเฉลยกันเลย


1. ลิง ถ้าคุณชอบที่จะเพนท์รูปลิง แสดงว่าคุณเป็นคนที่ฉลาดแกมโกง ใฝ่รู้ และชอบมีกิจกรรม ชอบเคลื่อนไหว ไม่ชอบอยู่เฉยๆ

2. สุนัข คุณเป็นคนรักเพื่อนรักครอบครัว แคร์เพื่อนๆ คุณชอบที่จะเฮฮาปาร์ตี้ร์ แต่ก็รักบ้านและค่อนข้างเอาแต่ใจ ตัวเองสูงเหมือนกัน

3. หมี ความจริงแล้วคุณเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี เข้ากับผู้อื่นได้ง่าย แต่ลึกๆแล้วคุณค่อนข้างหยิ่งและมีความนับถือตัวเองสูงมาก

4. ช้าง คุณมักเป็นคนที่เพื่อนๆหรือพี่น้องเชื่อถือไว้วางใจเสมอ แต่คุณไม่ค่อยจะผูกพันธ์กับใครมากนัก คุณมีความจำดี ชอบเดินทางไกล และชอบค้นคว้า

5. ไดโนเสาร์ คุณเป็นคนรักศิลปะมาก อารมณ์หวั่นไหวง่าย มีใจอนุรักษ์ของเก่าๆ โรแมนติก ไม่แคร์สังคม บางครั้งชอบเล่นเป็นเด็กๆ บางครั้งเจ้าระเบียบอย่างผู้ใหญ่

6. ม้าลาย คุณเป็นคนค่อนข้างสำอาง รักสวยรักงาม ชอบรักษาภาพพจน์ ชอบบันเทิงท่องเที่ยว ชอบอ่านคน แต่คนอ่านคุณยาก เพราะคุณเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่งและเลือกคบคน

7. งู คุณเป็นคนเสน่ห์แรง และค่อนข้างหยิ่งไม่ค่อยฟังคำแนะนำของคนรอบข้าง คุณชอบเรื่องความรัก อิสระ ไม่ชอบอึกทึกวุ่นวาย ไม่ชอบรีบร้อน มักคิดหรือทำอะไรที่ต่างจากคนทั่วไป

8. ยีราฟ ความจริงแล้วคุณเป็นคนขี้ขลาด และไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง แต่คุณก็มีน้ำใจและมีความเป็นตัวของตัวเองสูงเหมือนกัน

9. เสือ/สิงโต คุณไม่ใช่คนที่ดุหรือน่ากลัวสักนิด ตรงกันข้ามคุณเป็นคนที่ค่อนข้างจะอ่อนไหว ชอบอยู่ในโลกส่วนตัวมากกว่าที่จะวุ่นวายคนหมู่มาก

10. ฮิปโป นิสัยคุณนั้นเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก ใครๆก็ทึ่งในความทรหดอดทนของคุณ แต่หลายครั้งที่คุณจะอู้งาน ทำอะไรที่ไม่รอบคอบ

11. แมว คุณเป็นคนที่แม้แต่คนใกล้ชิดก็เดายาก คุณจะทำในสิ่งที่อยากทำและทำโดยไม่คิดที่จะเอาใจใครๆนัก

12. ปลา คุณชอบชีวิตที่เรียบง่าย สงบ คุณไม่ชอบกฎเกณฑ์หรือการแข่งขันใดๆ ไม่ใช่ขาดความทะเยอทะยาน แต่คุณแค่อยากสนุกกับความชอบส่วนตัวมากกว่าที่จะดันทุรังทำอะไรที่ไม่ชอบ แม้จะดูเฉื่อยๆ แต่คุณก็รักเพื่อนและใจกว้างยิ่งนัก


ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail

ทำนายทายนิสัยตามเดือนเกิด

คนเรามักมีนิสัยแตกต่างกันออกไป ดังนั้น วันนี้เราจึงมีคำทำนายนิสัยของแต่ละคนจามเดือนเกิดมาฝากกันค่ัะ

มกราคม

• ทะเยอทะยาน จริงจัง อดทน
• ชอบสั่งสอน รักการเรียนรู้ ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว
• มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด เจ้าระเบียบ ทำอะไรเป็นแบบแผนขั้นตอนไม่มีนอกลู่นอกทางแม้แต่น้อย
• อ่อนไหว ช่างคิดรู้วิธีทำให้คนอื่นมีความสุข
• ปกติจะเงียบขรึมถ้าไม่ได้กำลังตื่นเต้น หรือ เข้าสู่ภาวะคับขัน
• สงบเสงี่ยม กระตือรือร้น โรแมนติกแต่ไม่ค่อยยอมแสดงออกเท่าไร
• ห่วงใยใส่ใจคนอื่น แต่ไว้วางใจใครง่ายไปหน่อย
• ติดบ้าน
• ซื่อสัตย์ ขี้อาย
• ไม่ค่อยชอบเข้าสังคม แถมขี้ หึงอีกต่างหาก

กุมภาพันธ์

• ช่างฝัน รักทั้งโลกแห่งความเป็นจริงและโลกแห่งความฝัน
• ไหวพริบปฏิภาณดี ฉลาด หากแต่บุคลิกภาพแปรปรวนไปนิด
• เจ้าอารมณ์ เงียบ ขี้อาย สุภาพ ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง
• ซื่อสัตย์
• ชอบตั้งเป้าหมายในชีวิต
• รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด
• ขบถได้ง่ายถ้าถูกบีบคั้น แอบก้าวร้าวบ้างบางครั้ง แต่ที่จริงอ่อนไหวมาก เสียใจง่าย ! โกรธก็ง่าย
• ไม่ชอบเรื่องไร้สาระ ชอบคบเพื่อนฝูงใหม่ๆ น่ารักๆ
• รักกิจการงานบันเทิงทุกชนิดโรแมนติกลึกๆ แต่ไม่แสดงออก
• เชื่อถือโชคลาง
• ใช้จ่ายเงินเก่ง

มีนาคม

• มีเสน่ห์ เป็นที่รักของผู้อื่น
• ขี้อาย สงบเสงี่ยม ลึกลับ
• ซื่อตรง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ รักสันติและความสงบ
• อ่อนโยน ชอบเอาอกเอาใจคนอื่น
• ใจเย็น ไว้ใจได้
• เห็นค่าคนอื่น ใจดี
• เคร่งศีลธรรม แต่ติดนิสัยชอบประเมินคนอื่น
• เจ้าคิดเจ้าแค้น แถมยังเพ้อฝัน ชอบสร้างจินตนาการ
• รักการเดินทาง
• รักการเป็นจุดสนใจ
• ใจเร็วไปนิดถ้าคิดจะลงหลักปักฐานกับใคร
• ชอบตกแต่งบ้านเอง
• มีพรสวรรค์ เรื่องดนตรี รักข้าวของแปลกๆ
• ข้อควรระวังคืออารมณ์หงุดหงิดง่าย

เมษายน

• กระตือรือร้น ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่
• เข้มแข็งเด็ดขาด แต่กลับใจอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อกับคำขอโทษ
• ดึงดูดใจและเป็นที่รักของผู้คน ใจแข็ง
• รักการเป็นจุดสนใจ
• พูดจาฉลาดถนอมน้ำใจทุกฝ่าย
• ชอบปลอบโยน
• มนุษย์สัมพันธ์ดี ชอบเสนอแนะแก้ปัญหาให้คนอื่น
• กล้าหาญ ชอบผจญภัย
• สุภาพเอื้อเฟื้อ แต่เจ้าอารมณ์ ชอบกระตุ้นทั้งตัวเองและคนรอบข้าง
• และขี้หึงมากเช่นกัน

พฤษภาคม

• ดื้อดึง ใจแข็ง กล้าแกร่ง
• ตั้งใจมั่น แรงจูงใจสูง
• หลักแหลม
• โกรธง่าย อารมณ์แปรปรวน
• ชอบการเป็นจุดสนใจ
• นิ่ง ไม่ค่อยแสดงอารมณ์มากนัก
• มีจุดยืนของตัวเอง แข็งนอก อ่อนใน
• มีอิทธิพล แต่ก็มีเสน่ห์
• ชอบปลอบโยนผู้อื่น
• มีระบบระเบียบ เพ้อฝัน ถือโชคลาง
• มีสัมผัสพิเศษ เข้าอกเข้าใจจินตนาการกว้างไกล
• รักการเดินทาง ไม่ชอบอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ไม่ชอบหยุดนิ่ง
• ทำงานหนัก ความรับผิดชอบสูง แต่สุรุ่ยสุร่ายไปหน่อย

มิถุนายน

• คิดการณ์ไกล หัวก้าวหน้า
• ใจอ่อนกับคนใจดี
• สุภาพ พูดจาเบามีความคิดสร้างสรรค์มากมาย
• อ่อนไหว ชอบคิดค้น เสียตรงที่ขี้ลังเล
• ไม่รักษาเวลา
• สนุกสนาน มีอารมณ์ขัน ชอบเรื่องตลก
• มีทักษะดีในการโต้แย้ง ช่างพูดช่างคุย ชอบฝันกลางวัน
• เป็นมิตร รู้ว่าจะหาเพื่อนได้อย่างไร
• อดทน
• ชอบแสดงออก เสียใจง่าย ชอบแต่งตัว
• ขี้เบื่อ นานๆ จะแสดงอารมณ์ออกมาซักที ถ้าเสียใจต้องใช้เวลานานในการเยียวยา
• ชอบการบริหาร
• หัวรั้น
• ถือคติแปลกๆ ว่าใครประจบประแจงคือศัตรู ส่วนเพื่อนแท้ต้องไม่กลัวที่จะขัดใจ

กรกฎาคม

• อยู่ด้วยแล้วสนุก มีเสน่ห์
• เก็บความลับได้ แต่ยากที่จะเข้าถึงตัวตนที่แท้จริง
• เงียบถ้าไม่มีอะไรตื่นเต้น
• หยิ่งทะนงในตัวเอง ช่างเลือก
• มีความรับผิดชอบ ชอบปลอบโยนคนอื่น
• ซื่อตรง ซื่อสัตย์
• สนใจความรู้สึกคนรอบข้าง
• มีไหวพริบ
• ใจดี ไม่ผูกใจเจ็บใคร
• ไม่ชอบเรื่องไร้สาระทั้งหลาย
• มีอิทธิพลต่อคนอื่นทั้งในด้านร่างกายและจิตใจ
• อ่อนไหว ไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ
• ห่วงใยใส่ใจคนอื่น ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างเท่าเทียม เห็นอกเห็นใจ
• แย่ตรงที่ชอบตัดสินคนอื่นเพียงเพราะสิ่งที่สังเกตเอาเอง
• รักการเดินทาง ศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม
• เรียนดี!
• ชอบอยู่คนเดียวเงียบๆ ไม่ชอบความวุ่นวาย
• เสียใจง่ายแถมต้องใช้เวลานานกว่าจะหาย
• ทุ่มเททุกอย่างให้งาน

สิงหาคม

• ชอบเรื่องตลก
• มีเสน่ห์ สุภาพอ่อนโยน
• ใส่ใจคนอื่น
• กล้าหาญไม่เคยกลัวอะไรทั้งสิ้น
• มั่นคงเด็ดเดี่ยว เป็นผู้นำเต็มตัว
• รู้ว่าต้องดูแลปลอบโยนคนอื่นอย่างไร แต่เสียตรงที่เอื้อเฟื้อเกินไป
• มั่นใจตัวเองเกินไป
• เรียกร้องต้องการการยกย่องนับถือมุ่งมั่นแรงกล้าสุดๆ
• แถม โกรธง่ายเกินเหตุ โดยเฉพาะเมื่อถูกแหย่หรือกระตุ้น
• ขี้หึง
• เคร่งศีลธรรม
• หุนหันพลันแล่น
• ความคิดอิสระไม่ค่อยเหมือนใคร
• รักทั้งการเป็นผู้นำและถูกนำ
• ช่างฝัน มีพรสวรรค์เรื่องศิลปะดนตรี และกลไกการป้องกันตัว
• อ่อนไหวเหมือนกันแต่ไม่ค่อยจะอยากยอมรับ ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ตลอดเวลา
• โรแมนติค รักใคร่และห่วงใยคนอื่น
• ชอบคบหาเพื่อนฝูงใหม่ๆ

กันยายน

• สุภาพอ่อนโยน ประนีประนอม
• ระวังตัวแจ
• วางขั้นตอนชีวิตอย่างเป็นแบบแผน
• ชอบตอกย้ำจุดอ่อนคนอื่น
• ชอบการวิพากษ์วิจารณ์
• เยือกเย็นและสงบ
• ใจดี เห็นอกเห็นใจคนอื่น
• รอบรู้เรื่องต่างๆ
• ซื่อตรง
• ทำงานเก่ง
• อ่อนไหว
• ช่างคิด
• ความจำดี สนใจใฝ่รู้
• ชอบการแสวงหาความรู้ใหม่ๆ
• มีแรงจูงใจ เข้าอกเข้าใจ
• เก็บความลับอยู่
• รักกีฬากิจกรรมยามว่าง และ การเดินทาง
• ไม่แสดงอารมณ์เสียจนเกือบจะเป็นคนเก็บกด
• ช่างเลือกโดยเฉพาะเรื่องแฟน

ตุลาคม

• รักการพูดคุยเป็นชีวิตจิตใจ
• รักทุกคนที่รักตัวเอง
• รักการเจาะเข้าสู่จุดศูนย์กลางของเรื่องต่างๆ
• มีเสน่ห์
• สุภาพนุ่มนวล
• จิตใจและรูปร่างสวยงาม
• ไม่โกหกเสแสร้ง
• เห็นอกเห็นใจคนอื่น
• ให้ความสำคัญกับเพื่อน ชอบคบหาเพื่อนใหม่อยู่เรื่อย
• เสียใจง่ายก็จริงแต่ไม่ต้องห่วง แป๊บเดียวก็หายเศร้า
• ชอบช่วยเหลือคนอื่น
• ชอบฝันกลางวัน ความคิดบรรเจิด
• มีสัมผัสพิเศษ
• รักการเดินทาง ศิลปะ และวรรณกรรม
• พูดจานุ่มนวล รักและใส่ใจคนอื่น โรแมนติก ขี้หึง
• เป็นห่วงเป็นใย รักความยุติธรรม
• เชื่อคนง่าย เพราะมองโลกสวยงาม
• สูญเสียความเชื่อมั่นง่ายมาก

พฤศจิกายน

• ความคิดล้านแปดเต็มหัว ยากที่จะเข้าถึง คิดการณ์ล้ำหน้า
• โดดเด่นหัวไว ใส่ใจและชอบให้คำแนะนำ
• อยากรู้อยากเห็น
• รู้จักวิธีตะล่อมคุ้ยความลับ
• ชอบคิดอยู่ตลอดเวลา
• พูดน้อยแต่อัธยาศัยดี
• กล้าหาญและเอื้อเฟื้อ
• อดทน หัวรั้น ใจแข็ง ถือคติ ตราบใดที่ยังมีความหวัง ตราบนั้นก็ยังมีหนทางเสมอ
• มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
• โกรธยากมากถ้าไม่ถูกยั่วจนถึงขั้นจริงๆ
• ชอบอยู่คนเดียว
• มีแรงจูงใจในตัวเอง โดยไม่สนใจการยอมรับนับถือจากคนอื่น
• มั่นคง เด็ดเดี่ยว
• รักใครรักจริง
• เจ้าอารมณ์
• โรแมนติก แต่ไม่ค่อยสนใจสัมพันธ์จริงจังนัก
• รักบ้าน
• ทำงานหนัก
• มีความสามารถสูง
• ไว้ใจได้

ธันวาคม

• ซื่อสัตย์และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
• กระตือรือร้นในการแข่งขัน และปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
• แต่ ไม่ค่อยมีความอดทน
• ทะเยอทะยาน มีอิทธิพลในสังคม
• รักการเข้าสังคมมาก
• รักการได้รับการยอมรับ การเป็นจุดสนใจ
• รักการที่มีคนอื่นมารักตัวเอง
• ซื่อตรงและไว้ใจได้ ไม่เสแสร้ง แต่อารมณ์เสียง่าย
• เกลียดการถูกบีบบังคับ
• รักเรื่องตลก มีอารมณ์ขันและมีเหตุผล


ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com

ความเชื่อเกี่ยวกับปลูกต้นไม้

การปลูกต้นไม้นี้ใครจะรู้บ้างว่าแท้จริงแล้วก็มีความเชื่อตามโบราณด้วยเช่นกันว่า วันไหนควรไม่ควรปลูกต้นอะไร...

วันอาทิตย์
ท่านให้ปลูก ต้น ขิง ข่า ตะไคร้ เผือก มัน หรือพืชที่ลักษณะใช้หัวหรือเง่า

วันจันทร์
ท่านให้ปลูก ต้นแมงลัก ผักกาด โหระพา หรือ พืชที่ใช้ใบนำมาปรุงเป็นอาหารได้

วันอังคาร
ท่านให้ปลูก ต้นไม้จำพวกเป็นเครือ เถาพืชเลื้อย เช่น ตำลึง แตงโม น้ำเต้า แตงร้าน เป็นต้น

วันพุธ
ท่านให้ปลูก ต้นไม้ที่ให้ดอกปรุงอาหาร หรือบูชาพระ เช่น พันธุ์ไม้ดอก นานาชนิด

วันพฤหัสบดี
ท่านให้ปลูก ต้นไม้ที่ให้ฝัก และรวง เช่น ถั่วเขียว ถั่วลิสง ถั่วฝักยาว ถั่วเหลือง เป็นต้น

วันศุกร์
ท่านให้ปลูก ต้นไม้ที่ให้ผล เช่น มะม่วง ส้ม ฝรั่ง ละมุด ลางสาด ลิ้นจี่ ทับทิม เป็นต้น

วันเสาร์
ท่านให้ปลูก ต้นไม้ยืนต้นที่ให้คุณทั่วไป


ถ้าจะปลูกพืชดังกล่าวมาแล้วนั้น ท่านให้เลือกเวลาปลูกดังต่อไปนี้ คือ

ปลูกตอนเช้า ท่านว่า " ปลูกเอาผล "

ปลูกตอนสาย " ปลูกเอาลำต้น "

ปลูกตอนสายงายแก่ " ปลูกเอาใบ "

ปลูกตอนเย็น " ปลูกเอา เง่าและหัว "


ขอบคุณข้อมูลจาก FW Mail
ขอบคุณภาพประกอบจาก Photos.com