วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

ฮวงจุ้ยที่ดิืน


ก่อนปลูกบ้านหรือซื้อบ้านยังไงเราต้องดูลักษณะของที่ดินก่อนนะครับ ซึ่งนับว่าเป็นหัวใจหลักสำคัญในการจัดฮวงจุ้ยทั้งหมด การเลือกอย่างถูกต้องในตอนเริ่มต้นดีกว่ามาตามแก้กันในภายหลัง

ลักษณะที่ดี
1. บ้านหรือที่ดินบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะเป็นมงคลที่สุด
2. พื้นที่นอกบ้านควรจะต่ำกว่าพื้นในบ้าน จึงเป็นมงคล

ข้อควรระวัง
1. ที่ดินที่เคยมีต้นไม้ใหญ่อยู่หนาแน่น ควรขุดรากถอนโคนให้หมดเสียก่อนค่อยปลูกบ้าน
2. บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านแคบ หน้าบ้านกว้างไม่เป็นมงคล
3. บ้านที่มีที่ดินด้านหลังบ้านกว้าง หน้าบ้านแคบไม่เป็นมงคล
4. บ้านหรือที่ดินที่เว้าแหว่ง ไม่เป็นมงคล เช่น ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือแหว่งไป มีผลกระทบกับพ่อ หรือชายเจ้าของบ้าน และผู้คนในครอบครัว
5. บ้านสร้างบ้านอยู่บนเนินเขาไม่ดี

มองฮวงจุ้ยด้วยเหตุผล

"ฮวงจุ้ย" เป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยภูมิพยากรณ์ของประเทศจีน ซึ่งสั่งสมกันมานับพันๆปี หลักของฮวงจุ้ยนั้นจึงเป็นการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่นในแบบของความเชื่อ ซึ่งเป็นวิธีการสอนของคนสมัยก่อนมากกว่าการสอนด้วยหลักเหตุผลแบบวิทยาศาสตร์ แต่เมื่อเรานำความเชื่อของฮวงจุ้ยมาวิเคราะห์กันจริงๆแล้ว จะพบว่าความเชื่อเหล่านี้มีความสัมพันธ์กับหลักของเหตุและผลอยู่ไม่น้อยทีเดียว

รูปทรงที่ดินแบบต่างๆ

1. "รูปทรงที่ดินปากกว้างก้นแคบ ในตำราฮวงจุ้ยกล่าวเอาไว้ว่าเป็นที่ดินไม่เก็บทรัพย์ เงินทองรั่วไหล เจ้าของบ้านจะมีหนี้สินมากมาย หาเท่าไหร่เป็นหมด และใครที่ปลูกบ้านบนที่ดินลักษณะนี้ชีวิตสมรสจะล้มเหลว" สมัยก่อนประเทศจีนมีการเก็บภาษีที่ดินจากความยาวของด้านที่อยู่ติดถนน ชาวจีนสมัยนั้นจึงไม่นิยมสร้างบ้านบนที่ดินที่มีหน้ากว้าง อีกทั้งบ้านที่มีด้านยาวติดถนนมากๆ มักจะมีปัญหาเรื่องฝุ่น ควัน และเสียงดังรบกวนจากภายนอกได้ง่ายด้วย แต่ถ้าเรามองในแง่ของการค้าแล้ว ที่ดินลักษณะนี้กลับน่าจะเป็นข้อได้เปรียบตรงที่มีพื้นที่ขายหน้าร้านกว้างมากขึ้น

2. "รูปทรงที่ดินสี่เหลี่ยมคางหมูปากแคบ ตำราฮวงจุ้ยเรียกว่าเป็นที่ดิน "ถุงเงิน" เป็นที่ดินที่เก็บทรัพย์ได้ดี แต่อาจต้องดิ้นรนต่อสู้บ้างในช่วงแรกๆ" น่าจะมีเหตุผลมาจากการเก็บภาษีที่ดินของประเทศจีนในสมัยก่อนเช่นเดียวกับข้อแรก ทำให้เจ้าของบ้านบนที่ดินหน้าแคบมีเงินเหลือเก็บมากกว่าบ้านบนที่ดินหน้ากว้าง และหากมองในแง่การออกแบบแล้ว ที่ดินลักษณะนี้มักจะมีปัญหาเรื่องเสียงรถ และฝุ่นควัน รบกวนน้อยกว่าด้วย

3. "ใครปลูกบ้านบนที่ดินใบมีด จะมีแต่อันตราย" การออกแบบบ้านบนที่ดินแคบยาว และมีขนาดเล็กมากๆ อาจมีปัญหาเรื่องการวางตำแหน่งห้องภายในบ้านซึ่งจะทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะที่ดินที่ด้านแคบหันไปทางทิศเหนือ-ใต้ เพราะจะทำให้ออกแบบตัวบ้านเลี่ยงแสงแดดได้ลำบาก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้บ้านร้อน จนเจ้าของบ้านอยู่แล้วรู้สึกไม่สบาย อีกทั้งในการออกแบบบ้าน เรายังต้องคำนึงถึงระยะถอยร่นจากเขตที่ดินอย่างน้อย 2 เมตร เพื่อสามารถทำหน้าต่างบ้านได้ ทำให้พื้นที่ที่เหลือสำหรับสร้างบ้านจริงๆ เหลือน้อยมาก จนทำให้การออกแบบบ้านให้ดีนั้นทำได้ยากยิ่งขึ้น

4. "ใครปลูกบ้านบนที่ดินรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพ และประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จนเป็นเหตุให้มีเรื่องให้เสียเงินเสียทองเสมอ" ที่ดินลักษณะนี้ไม่ว่าจะวางตำแหน่งบ้านแบบไหนก็จะเหลือเศษสามเหลี่ยมมุมแหลม เป็นซอกรั้วบ้าน 2 ด้านเสมอ ซึ่งเป็นรูปร่างของพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้มากนัก นอกจากจะจัดเป็นสวนหรือระเบียงนั่งเล่น และในแง่ของจิตวิทยาลักษณะซอกมุมเหล่านี้ ยังเป็นมุมที่ทำให้ผู้มองเกิดความรู้สึกอึดอัดอีกด้วย

5. "ที่ดินรูปค้อน มีแต่เรื่องหนักใจ ครอบครัวแตกร้าว มีทุกข์เหมือนกับโดนค้อนทุบ" ที่ดินลักษณะนี้หากเราวางผังบ้านไม่ดีจะเหลือซอกมุมและจุดอับมาก ซึ่งในการออกแบบบ้านที่ดีนั้น เจ้าของบ้านควรจะสามารถมองเห็นบริเวณภายในบ้านทุกๆ ส่วนได้ชัดเจนด้วย เพราะการมีมุมอับทางสายตาในบ้าน จะทำให้เจ้าของบ้านเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย และเป็นกังวลได้ง่าย ดังนั้นการวางตำแหน่งบ้านบนที่ดินรูปค้อน เราจึงไม่ควรวางตัวบ้านเบี่ยงไปด้านใดด้านหนึ่งมากจนเกินไป

6. "ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นทำเลฮวงจุ้ยที่ดี ครอบครัวที่อยู่บนทำเลนี้จะอยู่ดีเป็นสุข ไม่ค่อยมีเรื่องที่ทำให้เดือดร้อนใจ" เป็นลักษณะที่ดินที่ออกแบบและวางผังได้ค่อนข้างง่าย ไม่เหลือเศษพื้นที่และมุมอับทางสายตาเหมือนที่ดินหักมุม แต่ความยาวที่เท่ากันทุกด้านนั้น ก็ทำให้บ้านดูไม่น่าสนใจด้วยเช่นกัน

7. "ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าตามตำราฮวงจุ้ยเป็นที่ดินที่ดีที่สุด ผู้อยู่อาศัยจะดี ครอบครัวมีความสุข" เป็นลักษณะรูปทรงที่ดินที่วางผังบ้านได้ง่ายที่สุด และสามารถออกแบบให้มีพื้นที่เหลือ สำหรับสวนและปลูกต้นไม้ได้มากกว่าที่ดินลักษณะอื่นๆ (ในขนาดพื้นที่เท่ากัน) โดยเฉพาะที่ดินสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่อยู่ทางทิศขวางตะวันหรือมีด้านแคบหันไปทางทิศตะวันออก และตะวันตก เพราะจะช่วยให้เราสามารถออกแบบบ้านรับลมประจำถิ่น ที่พัดมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ได้เต็มที่

8. "ใครปลูกบ้านบนที่ดินรูปทรงสามเหลี่ยมนั้นไม่ดี จะเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดอุบัติเหตุและมีปัญหาเรื่องชู้สาว วิธีแก้คือแบ่งส่วนปลายสามเหลี่ยมออกมุมหนึ่ง จึงสามารถปลูกบ้านได้ แต่ที่ดินนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่พอที่จะปลูกบ้านได้ด้วย" ที่ดินรูปสามเหลี่ยมหากมีขนาดเล็กมาก จะทำให้เราออกแบบบ้านได้ค่อนข้างลำบาก เพราะที่ดินลักษณะนี้จะมีมุมของรั้วบ้านซึ่งเป็นซอกไม่น่าดูถึง 2 มุมด้วยกัน ส่งผลให้เกิดความรู้สึกอึดอัดทางสายตา (ซึ่งเราอาจแก้ปัญหาด้วยการปลูกต้นไม้ เพื่อหลบเหลี่ยมมุมและปิดรั้ว) อีกทั้งพื้นฐานของรูปทรงบ้านและห้องภายในบ้านนั้นเป็นสี่เหลี่ยม เมื่อนำไปวางในพื้นที่สามเหลี่ยมจะทำให้เราเสียพื้นที่สำหรับสร้างบ้านมากกว่าที่ดินที่เป็นรูปสี่เหลี่ยม

ห้องต่างๆ ภายในบ้าน ห้องนอน

9. "ห้องนอนกลางบ้านถือเป็นมงคลยิ่ง เพราะตำแหน่งกลางบ้านคือตำแหน่งหัวใจของบ้าน" ห้องนอนเป็นห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัวมากที่สุดในบ้าน การวางตำแหน่งห้องนอนไว้กลางบ้าน จึงทำให้มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องนอนที่อยู่ด้านหน้าบ้าน แต่ห้องนอนที่อยู่ในตำแหน่งกลางบ้าน อาจจะมีปัญหาเรื่องการรับแสงธรรมชาติและการระบายอากาศ หากไม่มีช่องเปิด ช่องแสงเพียงพอ และไม่มีส่วนเชื่อมต่อกับภายนอก ดังนั้นเพื่อการระบายอากาศที่ดี ควรออกแบบให้ห้องนอนอยู่ที่ตำแหน่งมุมของบ้าน เพื่อให้แสงและลมเข้าสู่ห้องได้ทั้งสองทาง

10. "ห้องนอนของเจ้าของบ้านอยู่หน้าบ้านถือว่าไม่เหมาะ เพราะหน้าบ้านเป็นตำแหน่งบริวาร ควรอยู่หลังบ้านซึ่งเป็นตำแหน่งประธาน" เพราะห้องนอนถือเป็นสถานที่ส่วนตัว และต้องการความสงบเงียบ หากอยู่หน้าบ้านซึ่งมีการเข้าออกอยู่บ่อยๆจะรบกวนการพักผ่อนของเจ้าของบ้าน แต่หากตำแหน่งหลังบ้านมีสภาพแวดล้อมใกล้เคียงไม่ดีก็ไม่เหมาะที่จะทำเป็นห้องนอนอยู่ดี หลักเกณฑ์นี้จึงไม่ใช่กฎตายตัวเสมอไป

11. "ผู้ที่มีห้องนอนอยู่ติดกับห้องครัว จะทำให้เป็นคนหงุดหงิดโมโหง่าย และสุขภาพเสื่อมโทรม ไม่สบายอยู่บ่อยๆ หากเป็นคู่สามีภรรยา จะทำให้ความสัมพันธ์ไม่ราบรื่นนัก มีเรื่องขัดแย้งกันอยู่เสมอ " เพราะเมื่อมีการประกอบอาหารในห้องครัวจะทำให้เกิดกลิ่น ควัน และความร้อนสะสมอยู่ในห้อง ซึ่งห้องนอนที่อยู่ใกล้ก็จะได้รับผลกระทบเหล่านั้น และส่งผลไปยังผู้ที่อยู่อาศัยในห้องนอนเสียบรรยากาศในการพักผ่อน อันจะมีผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตด้วย

12. "การวางตำแหน่งเตียงนอน โดยหันปลายเท้าหรือหัวเตียงไปที่ประตูห้อง ก็ถือว่าไม่ดีเพราะเป็นตำแหน่งชี่พิฆาต ทำให้ผู้นอนได้รับผลร้าย และมักถูกผีอำบ่อยๆ" การวางเตียงนอนตรงกับประตูห้องไม่ว่าจะวางเตียงในลักษณะใด ก็จะทำให้ผู้นอนนอนหลับอย่างไม่เป็นสุข เพราะประตูเป็นจุดที่มีการเข้าออกอยู่บ่อยๆ รวมทั้งช่องใต้ประตูทำให้เห็นการเคลื่อนไหวจากภายนอก และด้วยสัญชาตญาณระวังภัยของมนุษย์ จึงต้องระแวงอยู่เสมอ

TIPS

ห้องนอนที่ดีควรมีความโปร่งโล่ง มีอากาศถ่ายเทได้ดี มีแสงสว่างจากธรรมชาติส่องถึง และไม่มีภาวะรบกวนจากภายนอก เพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตของผู้อยู่อาศัย การเลือกวางตำแหน่งห้องนอน จึงไม่ใช่การพิจารณาเพียงแค่การจัดวางห้องไว้ที่ตำแหน่งใดในบ้าน เช่น หน้าบ้าน หลังบ้าน ด้านซ้าย หรือด้านขวา แต่ควรจะคำนึงถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านด้วย เพราะเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อห้องนอนโดยตรง เช่น กิจกรรมของอาคารที่อยู่รอบข้าง ภาวะฝุ่น ควัน เสียง และ มุมมองจากภายในและภายนอกบ้าน

นอกจากสภาพแวดล้อมแล้วทิศทางก็มีผลต่อการวางตำแหน่งห้องนอนมาก ตำแหน่งทิศที่ดีที่สุดในการวางห้องนอนคือ ทิศตะวันออกกับทิศใต้ เพราะจะได้รับประโยชน์จากลมที่มาทางทิศใต้ และแสงแดดในตอนเช้าจากทิศตะวันออก ซึ่งเป็นแดดที่ไม่ร้อนจัด ทำให้ช่วงบ่ายถึงค่ำภายในห้องจะไม่ร้อน

ตำแหน่งเตียงนอนที่ดีที่สุดควรอยู่ในตำแหน่งทแยงมุมกับประตูห้อง และอยู่ชิดกับผนังห้องด้านใดด้านหนึ่ง เพราะสามารถมองเห็นคนที่เข้ามาในห้องได้ หรืออยู่ติดผนังที่มีหน้าต่างอยู่ด้านข้างเพราะอากาศถ่ายเทได้ดีและมีแสงธรรมชาติ ห้องนอนที่มีห้องน้ำในตัวไม่ควรวางหัวเตียงติดกับผนังห้องน้ำ เพราะมีความชื้นและสิ่งสกปรกจากห้องน้ำ และหลีกเลี่ยงการหันหัวเตียงติดกับหน้าต่าง เพราะฝุ่นละออง เขม่าควัน และฝน ที่เข้ามาทางหน้าต่าง อาจมีผลต่อสุขภาพของผู้นอนได้

ที่มา : นิตยสารบ้านและสวน (ฉบับที่ 352 ประจำเดือน ธันวาคม 2548)

ถมที่ดิน กับข้อควรระวัง
โดย อ.มาโนช ประภาษานนท์

ช่วงนี้มีการสร้างบ้านใหม่กันค่อนข้างมาก โดยนิยมซื้อที่ดินเปล่าแล้วมาออกแบบบ้านเอง ซึ่งจะได้บ้านที่ถูกใจมากกว่าไปซื้อบ้านจัดสรรทั่วๆ ไป ปัญหาแรกที่ผมมักจะถูกถามก็คือ เรื่องของการถมที่ดินครับ เพราะเป็นเรื่องแรกที่จะต้องทำก่อนการสร้างบ้านนั่นเอง

ความจริงประเด็นนี้ หลายคนอาจนึกในใจว่า ไม่น่าจะเป็นคำถามเลย เพราะยังไงก็ต้องสร้างบ้านให้ที่ดินสูงกว่าถนนอยู่แล้ว ถูกครับ แต่ใช่ว่าจะถูกทั้งหมด เพราะถ้าถมที่ดินสูงเกินไป อาจสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นได้

หลักฮวงจุ้ยพูดเอาไว้เสมอว่า ทุกอย่างต้องสมดุล ไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ต้องพอดีๆ ครับ อะไรที่สูงเกินไป ต่ำเกินไป ย่อมกลายเป็นผลเสียทั้งสิ้น ที่ดินที่ต่ำกว่าถนน เป็นเรื่องปกติที่คนส่วนใหญ่ก็รู้กันอยู่แล้วว่า ไม่ดี

แต่เดี๋ยวนี้ คนไม่ได้ดูแค่ถนนกันแล้ว แต่จะเปรียบเทียบจากบ้านข้างๆ ว่าสูงเท่าไร

บ้านที่จะสร้างใหม่จะต้องสูงกว่า ทำให้พื้นที่ดินเกิดความสูงต่ำไม่เท่ากัน บางบ้านถมที่สูงกว่าถนนมาก ทำให้เสียสภาพที่ดีไปในทันที

ตามหลักฮวงจุ้ยบอกเอาไว้ว่า บ้านที่ยกพื้นดินสูงกว่าถนนหน้าบ้านมากๆ จะทำให้กระแสชี่ไหลเข้าบ้านลำบาก ไม่ราบรื่น เปรียบเสมือนมีภูเขาหรือเขื่อนกั้นอยู่หน้าบ้าน ซึ่งหมายถึงเป็นบ้านขัดทรัพย์ไปอย่างน่าเสียดาย

วิธีที่ดี จะต้องพิจารณาระดับของพื้นถนนเป็นหลักครับ โดยปกติทั่วไปความสูงในการถมที่ดินจะอยู่ในระดับ 50-80 เซนติเมตร จากระดับของถนนหน้าบ้าน ยกเว้นว่า รู้แน่ๆ ว่าจะมีการทำถนนใหม่ด้านหน้าบ้านให้สูงขึ้น อาจจะถมที่ดินเผื่อไว้ให้สูงกว่าระดับนี้ได้ครับ

กรณีสร้างบ้านบนเนินอาจถมที่ดินให้มีความต่างระดับกันก็ได้ โดยส่วนของตัวบ้านที่อยู่บนเนินอาจมีระดับที่สูงกว่าระดับ 50-80 เซนติเมตรก็ได้ แต่ถ้าถมสูงมากจะต้องปรับพื้นแบบไล่ระดับ โดยพิจารณาจากถนนหน้าบ้านเป็นหลัก

ปัญหาอีกอย่างหนึ่งในเรื่องของการถมที่ดินที่ต่างระดับกัน จะต้องคำนึงถึงเรื่องการไหลของน้ำเวลาฝนตกด้วย หลักฮวงจุ้ยบอกว่า บ้านต้องไม่อยู่ในตำแหน่งรับน้ำ หรือน้ำไหลชนตัวบ้าน ส่วนใหญ่การปรับระดับของที่ดิน มักจะนิยมทำในลักษณะที่เป็นเนินหลังเต่า เวลาฝนตกน้ำจะไหลข้างตัวบ้านทั้งสองทาง เพราะฉะนั้น การถมที่ดินในลักษณะเนินหลังเต่า จึงถือว่าเข้าลักษณะที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย

นอกจากนี้ เรื่องของการถมที่ดินเพื่อปลูกสร้างบ้าน ยังมีเคล็ดลับเกี่ยวกับการนำดินมาถมอีกด้วย โดยในตำราจะบอกเอาไว้ว่า ดินที่นำมาถมนั้น จะต้องเป็นดินที่มีคุณภาพดี มาจากแหล่งที่ดี ห้ามนำพวกขยะ เศษหิน เศษปูน มาถม ดินส่วนใหญ่ที่ดีจะต้องไม่มีประวัติที่เสีย เช่น เป็นดินที่ขุดมาจากสถานที่ ที่เคยเกิดภัยพิบัติ ไฟไหม้ ตึกถล่ม สุสาน หรือสถานที่ที่มีคนตายหมู่ ในทางฮวงจุ้ยจะถือว่าอัปมงคลอย่างยิ่ง เพราะดินจะมีเชื้อแห่งความสูบเสียและจิตวิญญาณของคนตายติดมาด้วย

ดินที่มีลักษณะดี ส่วนใหญ่จะเป็นดินร่วนผสมดินเหนียว ซึ่งเป็นดินที่เหมาะกับการเพาะปลูก แหล่งดินส่วนใหญ่ที่นำมาถม จึงได้มาจากทุ่งนา ไร่สวน ที่มีสภาพดินที่ดีอยู่แล้ว

กรณีกลับกัน บ้านจำเป็นต้องปลูกสร้างบนที่ดินที่มีประวัติเสีย ก็สามารถแก้ไขได้โดยการขุดหน้าที่ดินเก่าออก แล้วเอาดินใหม่ถมเข้าไปแทน ไม่ใช่เอาดินใหม่ถมทับเข้าไป อย่างนี้เชื้อดินเดิมจะยังคงอยู่ จะส่งผลเสียเช่นกัน

บางตำราระบุเอาไว้ด้วยว่า บริเวณที่จะสร้างบ้าน จะต้องเอาตาข่ายปูรอบที่ดินก่อนที่จะสร้างบ้านลงไป เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายที่อยู่ใต้ดินไม่ให้มารบกวนคนในบ้าน ซึ่งเป็นความเชื่อของคนสมัยก่อน ตาข่ายที่นำมาปูจะต้องผ่านการทำพิธีมาก่อนจึงจะนำมาใช้ได้ เพราะเป็นการแก้เรื่องของจิตวิญญาณโดยตรง

เห็นไหมครับ เรื่องของการถมที่ดินก็ต้องให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ บางครั้งอาจส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวงชนิดคาดไม่ถึงเลยก็ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าทำได้แต่เริ่มแรกก็ไม่ควรละเลยนะครับ


นายประกาศ attached the following image(s):
land01.jpg

land02.jpg

land03.jpg

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น